วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2559

บทที่5:ไร่ปานเทวา





อากาศยามเช้ากำลังกระจายความสดชื่น แสงอ่อนจากท้องฟ้าสาดส่องเข้ามาสัมผัสใบหน้าหญิงสาว จนคนกำลังหลับใหลต้องเปิดเปลือกตาและยันกายลุกขึ้นนั่ง ดวงตาขมุกขมัวมองผ่านหน้าต่างบานกระจกใส ตื่นใจกับเทือกเขาสลับซับซ้อนท่ามกลางแสงแดดอ่อนยามเช้า..ช่างเป็นทัศนียภาพสวยงาม
รัญชิดาอาบน้ำแต่งตัวสวมชุดเสื้อเชิ้ตเข้ารูปแขนสั้น เนื้อผ้าสีขาวปักลวดลายเป็นรูปดอกไม้เล็ก ๆ คู่กับกางเกงยีนขาสี่ส่วนสีน้ำเงินเข้ม ผมสวยถูกรวบหางม้า ทาแป้งบาง ๆ ทาปากสีชมพูอ่อน ๆ เสร็จแล้วเดินออกจากห้องลงบันไดมาสู่ชั้นล่าง ปฐพีนั่งอ่านหนังสือพิมพ์รอเธออยู่ที่โต๊ะอาหาร ป้ามาลัย บัว และนางยืนเยื้องไปทางด้านหลัง ป้าแม่บ้านส่งยิ้มเจื่อนบ่งบอกถึงสภาวะไม่ค่อยจะดี ส่วนบัวยังคงยิ้มกว้างเบิกบานที่ได้มองใบหน้าสวย ๆ ของนายหญิงสาว พร้อมส่งเสียงกระซิบกระซาบกับนางพอให้ได้ยินว่า เกิดชาติหน้าฉันใดขอให้สวยได้สักครึ่งของนายหญิงเถิด
รัญชิดาหย่อนกายลงนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม เธอรู้ตัวว่าต้องถูกปฐพีตำหนิเรื่องตื่นสาย จึงพยายามควบคุมใจไม่ให้หวาดหวั่น และพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่ต้องเผชิญ
“ดูเหมือนนี่คงเป็นบทเรียนแรกของการปรับตัวสินะ” ปฐพีส่งหนังสือพิมพ์ในมือให้ป้ามาลัยรับไปถือไว้
“ต่อไปฉันจะตื่นให้ทันคุณค่ะ”  พูดจบ เธอตั้งตารอฟังว่าเขาจะพูดกลับมาอย่างไรอีก
 “มัวแต่ฝันถึงอิสรภาพเพลินจนลืมตื่นนะสิ” ภายในดวงตาคมมีแววยิ้มเยาะ ขณะมือขยับจับช้อนเริ่มรับประทานอาหาร
“คุณจะคิดยังไงก็ได้ค่ะ” รัญชิดาเกร็งมือ เกิดความรู้สึกระอากับถ้อยคำของผู้ชายคนนี้ ก่อนหน้าเธอคิดว่าพร้อมปรับตัวรับฟังคำสั่งจากเขาอย่างว่าง่าย แต่มาได้ยินคำตอแยถึงอิสรภาพกันแบบนี้ มันทำให้เธอคิดเคืองจนไม่อยากจะอ่อนข้อให้เขาเลยทีเดียว บรรยากาศระหว่างรับประทานอาหารเช้า จึงดำเนินไปอย่างเงียบ ๆ ชวนให้รู้สึกอึดอัด
ปฐพีจับจ้องใบหน้านิ่งงันของหญิงสาว สะใจอยู่มากกับการได้พลิกผันชีวิตผู้หญิงไฮโซคนหนึ่งที่เคยแต่เดินบนเส้นทางชนชั้น แวดล้อมด้วยวัตถุหรูและคบหาแต่คนอยู่ในสังคมเดียวกัน ให้มาดำเนินชีวิตบนวิถีชนบทแห่งนี้
ชายหนุ่มรวบช้อน จากนั้นสั่งให้บัวชงกาแฟ ก่อนจะเบนสายตามาหาหญิงสาวและเอ่ยเสียงห้าวสั่งการ
“รัญชิดา กินเสร็จแล้วตามฉันขึ้นไปห้องทำงาน”
“ค่ะ” เธอตอบรับเสียงแผ่ว และรวบช้อนบ้างทั้งที่เพิ่งจะตักอาหารใส่ปากไม่กี่คำ
หญิงสาวปรายตามองร่างสูงใหญ่เดินห่างโต๊ะอาหารออกไป พลางคิดว่า  เธอไม่มีทางหลีกเร้นชะตากรรมนี้พ้น ฉะนั้นคงต้องพยายามทำใจยอมรับคำบัญชาจากเขา เพื่อความสบายใจเสียดีกว่า
“ป้าดีใจค่ะที่บ้านไร่ได้คุณรัญมาเป็นนายหญิง เออ ยังไงก็อดทนสักนิดนะคะ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง”
รัญชิดาจับน้ำเสียงห่วงใยของป้าแม่บ้านที่มีต่อเธอได้ คำปลอบอ่อนโยนนั้นคงคาดหวังทำลายบรรยากาศชวนอึดอัดใจยามเช้า เธอแค่นเสียงหัวเราะก่อนเอ่ยขอบคุณและลุกตามเจ้านายตัวใหญ่ไป
นาทีต่อมารัญชิดาหยุดยืนหน้าห้องทำงานของปฐพีซึ่งอยู่ติดกับห้องหนังสือ เธอยกมือขึ้นเคาะประตู ได้ยินคนข้างในอนุญาตจึงเปิดเข้าไป
หญิงสาวยืนอยู่บนพื้นที่ห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้า สายตากวาดสำรวจอย่างคร่าว ๆ สังเกตเห็นบนชั้นติดผนัง หรือแม้แต่บนโต๊ะทำงานล้วนเต็มไปด้วยเอกสาร เมื่อได้ยินเสียงเขาพูดขึ้น เธอจึงหยุดสายตาที่แผ่นหลังของคนร่างสูงซึ่งยืนหันหลังมองออกไปภายนอกหน้าต่าง
“เธอคงไม่คิดว่าการเป็นนายหญิงจะต้องนั่งกินนอนกินหรอกนะ”
“ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมาอยู่อย่างไร้ค่าแบบนั้นหรอกค่ะ” เธอพูดย้อนเพราะนึกฉุน คนอะไรหาเรื่องมาพูดแดกดันกันได้ตลอด
“คิดได้ก็ดี งั้นเอาแฟ้มพวกนี้ไปศึกษาซะ” เขาหันกลับมา พยักพเยิดให้เธอมองไปที่แฟ้มเอกสารบนโต๊ะ
รัญชิดาเอื้อมมือไปหอบแฟ้มขึ้นมาแต่โดยดี อ่านหน้ากระดาษที่แปะไว้บนแฟ้ม สายพันธุ์องุ่นพร้อมสูดหายใจเตรียมพร้อมรับวิถีชีวิตรูปแบบใหม่
“เธอต้องทำงานในไร่เหมือนคนอื่น ๆ ฉันมีเวลาให้เธอศึกษาสายพันธุ์องุ่นอย่างคร่าว ๆ จากนั้นเราจะเดินทางไปที่ไร่ด้วยกัน”
รัญชิดาตื่นเต้นหลังจากฟังชายหนุ่มพูดจบ ไร่องุ่น! ให้ตายสิ เธอกำลังจะได้ยืนอยู่ท่ามกลางดงองุ่น หัวใจรื่นรมย์ราวจะได้เข้าไปท่องเที่ยวในแดนเนรมิต ทว่าความรื่นรมย์กลับถูกหยุดด้วยถ้อยคำส่งท้ายว่า
“อย่าลิงโลดไป เพราะเธอยังไม่เห็นว่างานในไร่มันลำบากแค่ไหน ลำบากจนเธอจะไม่มีเวลามานอนฝันหวานถึงอิสรภาพเลยแหละ”
อีกแล้ว รัญชิดาย่นคิ้วให้กับรอยยิ้มเยาะที่จุดตรงมุมปากหนานั่น เฮอะ! ผู้ชายคนนี้เกิดมาเพื่อทำลายความฝันของคนอื่นแท้เชียว  ขณะนั้นกาแฟส่งกลิ่นหอมอบอวลเข้ามา เธอใช้จังหวะตอนบัวถือถาดกาแฟมาเสิร์ฟ หอบแฟ้มเดินลิ่วออกมาภายนอกทันที
ใบหน้าตึงกับอารมณ์บูดบึ้งของหญิงสาว ส่งผลให้แฟ้มในมือถูกโยนกระแทกไปบนที่นอน พร้อมเสียงสบถออกมาด้วยความโมโห “ผู้ชายปากร้าย! คอยดูนะ สักวัน ฉันจะทำให้คุณต้องรับผลจากความปากร้ายของตัวเอง!
เพราะสำหรับเธอแล้วการเป็นคนงานในไร่องุ่น มันไม่ได้ทำให้เธอวิตกกังวลแต่อย่างใด ในเมื่อเธอยอมรับชะตาชีวิตที่พลิกผันได้ ใจเธอก็เข้มแข็งพอจะพิสูจน์ให้เขาเห็นถึงความสามารถในบทบาทใหม่ที่เธอกำลังเริ่มต้น  และเธอจะไม่มีวันให้เขายิ้มเยาะใส่หน้าเธอได้อีก ริมฝีปากอิ่มผุดรอยยิ้มอย่างมีหวังขณะมือเรียวเอื้อมหยิบแฟ้มขึ้นมาถือในมืออีกครั้ง

ไร่ ปานเทวา แสงอ่อนจากดวงอาทิตย์เหมือนกระจกสะท้อนจากบนฟากฟ้าสาดแสงสว่างตาลงสู่พื้นดิน  ทั่วบริเวณพื้นที่ไร่กว้างขวางแห่งนี้ บางมุมมีคนงานกำลังพรวนดินขึ้นเป็นแปลงแถวยาว และบางแปลงมีต้นองุ่นแตกใบสีเขียวอ่อน ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่ที่เห็นต่างมีใบองุ่นบานสะพรั่งรองรับผลพวงดกครึ้ม
รัญชิดาก้าวลงจากรถกระบะพร้อมหนุ่มเจ้าของไร่ ดวงตากลมมนเบิกกว้างตะลึงงันกับพวงองุ่นสะพรั่งสุดลูกหูลูกตา เธอคิดว่า ณ ที่แห่งนี้ช่างเหมือนสวนสวรรค์ในเทพนิยาย
“สวยจัง”
ปฐพีชำเลืองมองคนข้างกายพึมพำแวบหนึ่ง แล้วหันไปสนใจชายวัยกลางคนรูปร่างบึกบึนแต่งกายด้วยชุดเสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนสีซีดจาง มีดินโคลนเปรอะเปื้อนอยู่เป็นหย่อม ๆ
“ฝั่งนั้นเรียบร้อยดีมั้ยอาคำมูล?” เขาเอ่ยถามบุคคลผู้มีบรรพบุรุษทำงานในไร่สืบต่อกันมาชั่วอายุคน
“เรียบร้อยดี อาเพิ่มจำนวนคนเฝ้าตอนกลางคืนอีกสิบคน” คำมูลกล่าวรายงาน  และส่งยิ้มเป็นมิตรต่อหญิงสาว
“รัญชิดา นี่อาคำมูล เป็นหัวหน้าคนงาน มีสิทธิ์สั่งการทุกอย่างแทนในเวลาฉันไม่อยู่” ปฐพีหันมาแนะนำพร้อมบ่งบอกถึงสิทธิหน้าที่ของบุคคลตรงหน้า คล้ายกำชับต่อเธออีกทีว่า ถ้าเขาไม่อยู่ยังมีอาคำมูลจับตาดูความเคลื่อนไหวของเธอ
“สวัสดีค่ะอาคำมูล” รัญชิดาไม่ทันคิดว่าควรจะเรียกแทนชายตรงหน้าว่าอย่างไร จึงเรียกเช่นเดียวกับปฐพี เมื่อเห็นว่าเขาไม่ทักท้วงอะไรเธอจึงวางใจ
“ไร่ปานเทวามีนายหญิงสวยขนาดนี้ องุ่นคงขึ้นงามตลอดปีแน่” คำมูลไม่ได้กล่าวเกินจริง เพราะหญิงสาวรุ่นตรงหน้าเป็นผู้หญิงสวยไร้ที่ติ
“เป็นอย่างนั้นได้ก็ดี แต่องุ่นต้องใส่ปุ๋ยนะครับอา ไม่ได้หว่านด้วยเสน่ห์ผู้หญิง” ปฐพีตวัดหางตาเห็นริมฝีปากอิ่มยิ้มระรื่นแล้วนึกหมั่นไส้ ก่อนมองผ่านไปกลุ่มคนงานกำลังพลิกหน้าดินตาก
คำมูลประเมินสายตาเจ้านายที่มองจำนวนคนงานน้อยกว่าปกติแล้ว จึงอธิบาย “วันนี้เหลือคนงานไม่กี่คนลงแปลงนี้ เพราะส่วนใหญ่ให้ไปทำทางฝั่งตะวันตก”
“เมื่อคืนพวกเขาคงเหนื่อย ปล่อยให้พักผ่อนกันสักวันเถอะ” ปฐพีให้เหตุผล เพราะเขาจะเข้มงวดเฉพาะในชั่วโมงงาน แต่บางครั้งถ้ามีเหตุการณ์ฉุกเฉินเขาจะอะลุ้มอล่วยบ้าง
“แปลงนี้ก็คงเสร็จช้ากว่าแปลงอื่น” คำมูลกล่าว เพราะแต่ละแปลงต่างมีกำหนดเวลาลงงาน
“มันก็ไม่แน่ ก็วันนี้อามีคนงานเพิ่มอีกหนึ่งคนนี่” ปฐพีพูดจบ ผู้อาวุโสกว่าพยักหน้ารับรู้และไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร ขณะที่ปฐพีเบนสายตามามองใบหน้าเรียบเฉยแวบหนึ่งก่อนประกาศ
“จากวันนี้ นายหญิงรัญจะมาช่วยลงแปลงปลูกทุกวัน ขอให้ทุกคนช่วยสอนงานนายหญิงด้วย” แววตาขรึมซุกซ่อนความพอใจ เมื่อคาดการณ์ว่าผู้หญิงรูปร่างบอบบางคงทนต่อสภาวะอากาศร้อนระอุได้ไม่นาน จะต้องเผยธาตุแท้ของความเป็นลูกผู้ดีไม่ติดดินและก่อความวุ่นวายใจให้กับคนงานแน่ ถึงเวลานั้นเมื่อไหร่ เขาจะให้เหตุผลว่าเป็นเพราะคำดูถูกดูแคลนที่เจ้าหล่อนมีต่อหนุ่มชาวไร่ จึงต้องเผชิญผลกรรมเช่นนี้
“นึกว่านายจะเข้ามาช่วงบ่ายเสียอีก” หญิงร่างท้วมวัยสี่สิบปี กล่าวปนยิ้มขณะเดินมาใกล้และส่งสายตามองสนอกสนใจร่างงามข้างกายนายหนุ่ม
“ก็ว่าจะเข้าบ่ายแต่เช้านี้ผมมีเรื่องต้องไปสะสาง อีกอย่างผมมีคนงานขุดดินที่อยากฝากให้พี่นุชช่วยดูแล” เขาเบนสายตามาทางคนข้าง ๆ ก่อนกล่าวแนะนำ “พี่นุชเป็นหัวหน้าคนงานหญิง ดูแลบัญชีเบิกจ่ายและบัญชีวัสดุอุปกรณ์ สิ่งที่เธอต้องทำคือหลังจากพลิกหน้าดินเสร็จ เธอจะต้องมาเป็นผู้ช่วยพี่นุชทำบัญชี”
น้ำเสียงสั่งการไร้ซึ่งความอ่อนโยน นงนุชหัวหน้าคนงานหญิงที่มีรอยยิ้มสดใสถึงกลับยิ้มเจื่อนลง
“ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะพี่นุช” รัญชิดายกมือไหว้หญิงที่มากวัยกว่าและเรียกแทนตัวอีกฝ่ายว่าพี่เหมือนปฐพี ซึ่งนงนุชรีบรับไหว้พร้อมกุมมือเธอลงด้วยความเกรงใจ
“อย่าไหว้นุชเลยค่ะนายหญิง เออ มือนายหญิงนุ่มจัง” นงนุชกล่าวพร้อมสำรวจร่างเล็กซึ่งใบหน้าสวยผูกผมเผยเครื่องเครางดงาม และแม้จะอยู่ในชุดวัยรุ่นดูสะอาดตา สวมรองเท้าแตะธรรมดา แต่ความเป็นลูกผู้ดีมีสกุลยังเด่นชัด
นงนุชมองแล้วถอนใจ เพราะไม่ว่าดูอย่างไรใจเธอก็หาได้มีความเห็นเดียวกับเจ้านาย ที่จะให้นายหญิงสาวมาทำงานขุดดิน
ปฐพีสังเกตเห็นสายตาขัดแย้งของสาวรุ่นพี่ และรู้ว่าต้องผจญกับสายตาไม่เห็นด้วยอีกมากมาย แต่เพื่อความหวังของปรเมศร์ เขาจะต้องทำให้รัญชิดาลงมือปลูกองุ่นโตในพื้นที่ไร่แห่งนี้ให้ได้
“ลงมือทำงานเถอะสายมากจะพลิกหน้าดินไม่ทันแดด”
แม้ใจจะคิดค้านเจ้านาย แต่ได้รับคำสั่งแล้วคำมูลและนงนุชจำต้องปฏิบัติตาม ทั้งสองพารัญชิดามายังแปลงปลูกที่มีเหล่าคนงานหญิงกำลังขะมักเขม้นงานดินอยู่สี่คน ซึ่งดินขุดขึ้นมากำลังถูกเกลี่ยเพื่อแผ่ตาก  เธอมองสักพักก่อนหันกลับไปเห็นเพียงแผ่นหลังกว้างของปฐพีหายลับเข้าไปในรถกระบะ จากนั้นขับออกไป ปฐพีคงไปสะสางงานตามที่บอกนงนุช เธอหันกลับมาเมื่อได้ยินเสียงคำมูลกล่าว
“ดินพวกนี้เป็นดินที่ทำการเก็บเกี่ยวผลมาพักหนึ่งแล้ว และถ้าจะทำแปลงปลูกใหม่จะต้องขุดดินมาตากก่อน ตากไว้หนึ่งสัปดาห์ หรือรอจนแน่ใจว่าดินแห้งสนิทเพราะองุ่นไม่ชอบดินเหนียว จากนั้นจึงจะนำมาใช้งาน”
สิ่งที่คำมูลบอกถือเป็นความรู้การปลูกองุ่นขั้นพื้นฐาน คำมูลบอกเล่าทฤษฎีทุกขั้นตอนอย่างคร่าว ๆ เขาจึงให้เธอลงมือปฏิบัติโดยมีนงนุชคอยให้คำแนะนำอยู่ข้าง ๆ  ผ่านไปไม่เท่าไหร่ดินที่เธอขุดขึ้นมาเป็นกองเล็ก ๆ เรียกเหงื่อจนท่วมตัวทีเดียว
“ฉันว่าต้นองุ่นมันจะตายตั้งแต่ยังอยู่ในดินแน่ๆ แค่เห็นการเริ่มต้นฉันยังทำได้ไม่ดีเลย” แสงแดดยามสายที่เริ่มร้อนแรงมากขึ้น ส่งผลให้แก้มนวลมีสีแดงปลั่ง ใบหน้าสวย ๆ มีเหงื่อไหลไคลย้อย แต่ยังเผยยิ้มสดใส
คำมูลและนงนุชยิ้มให้กำลังใจ รู้สึกทึ่งกับนายหญิงสาวที่ช่วยคนงานพลิกหน้าดินขึ้นมาตาก โดยไม่ปริปากบ่นเรื่องความร้อนของแสงแดดเลยสักคำ
“ไม่ต้องห่วงหรอกนายหญิง พวกเราต่างต้องช่วยกัน เพราะการเพาะปลูกมันสำคัญทุกขั้นตอน” คำมูลกล่าว อย่างชื่นชมความไม่ย่อท้อของอีกฝ่าย แม้ตอนแรกจะนึกค้านการกระทำของเจ้านายหนุ่ม แต่ลึก ๆ กลับรู้สึกพอใจที่เจ้านายได้นายหญิงแสนสวยที่ไม่รังเกียจดินโคลน

 ส่วนทางด้านปฐพี ชายหนุ่มขับรถมาบ้านไร่เรืองเดชพร้อมกับเมฆที่นั่งอยู่กระบะหลัง  เขาทำตามที่พูดไว้คือให้เมฆเบิกเงินล่วงหน้าเพื่อมาชำระหนี้ให้เมธี รถหยุดลงตรงด้านหน้าทางเข้า เมฆลงไปเพียงลำพังส่วนเขานั่งรออยู่ในรถ ระหว่างนั้นเขาเห็นชายคนหนึ่งที่คุ้นหน้าคุ้นตาเดินออกมาจากอาณาเขตบ้านไร่ด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน เหมือนหวาดกลัวอะไรบางอย่าง ก่อนจะหลุบหายเข้าไปในรถเก๋งกลางเก่ากลางใหม่และขับสวนเขาออกไปอย่างเร็ว
คนในสำนักงานนักสืบ? เมื่อจำบุคคลนั้นได้ ปฐพีก็นึกแปลกใจ เหตุใดบุคคลดังกล่าวจึงมาป้วนเปี้ยนอยู่ในบ้านไร่ของเมธี..?

บทที่4:ลิขิตหัวใจพลิกผัน





ระหว่างนั่งรถกลับบ้านไร่ด้วยกัน ปฐพีชำเลืองไปทางหญิงสาวด้านข้าง สะใจอยู่บ้างเมื่อยังเห็นความกังวลเกาะกุมบนใบหน้าอีกฝ่าย เขาสังเกตเห็นมันก่อตัวตั้งแต่ได้คุยกับเมฆเรื่องเบิกเงินล่วงหน้าเพื่อนำไปชดใช้หนี้สิน ซึ่งเงินที่เบิกไปผู้ที่ต้องชดใช้คือนายหญิงรัญ..
เมื่อรถจอดบนลานหน้าบ้านไร่ ปฐพียืนมองหญิงสาวลงจากรถได้รีบก้าวเข้าภายในอาคารและขึ้นบนห้องพักทันที เขาคิดว่าคืนนี้คงจะเหนื่อยเกินตามเอาเรื่องอีกฝ่ายที่กล้าเดินหนีเขาไป จึงพาตนเองเข้ามานั่งอยู่ในห้องทำงาน
ชายหนุ่มดึงลิ้นชักหยิบภาพถ่ายคู่ของหญิงสาวดวงตาแจ่มใส กับชายหนุ่มหน้าตาคลับคล้ายกับเขาต่างแต่ร่างเล็กและผอมกว่า แรกนั้นภาพนี้เป็นภาพถ่ายเดี่ยว แต่ถูกนำมาดัดแปลงให้เป็นภาพถ่ายคู่ ซึ่งชายหนุ่มที่นำรูปตนมาตัดต่อเพื่อให้ได้เคียงคู่หญิงสาวในดวงใจก็คือปรเมศร์ น้องชายของเขานั่นเอง
เมื่อสูญเสียบุพการีไปแล้วปฐพีต้องกลายเป็นผู้ปกครองปรเมศร์ตั้งแต่น้องชายอายุย่างสิบสาม เขาส่งน้องไปโรงเรียน คอยแวะรับกลับบ้าน สอนการบ้านและดูแลในยามป่วยไข้ ปฐพีเลี้ยงปรเมศร์ด้วยความรักทั้งหมดที่มี เพราะรู้มาตลอดว่าร่างกายผอมบางของน้องชายไม่แข็งแรงมาแต่กำเนิด
มีครั้งหนึ่งปรเมศร์หนีไปเที่ยวเล่นในไร่ เย็นแล้วยังไม่เห็นกลับ เขาห่วงน้องมากจนหัวเสีย และคาดโทษว่าถ้ากลับมาเมื่อไหร่จะจับทำโทษเสียให้เข็ด ทว่าเมื่อออกตามหาและพบว่าปรเมศร์เป็นลมล้มพับอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ แต่พอฟื้นร่างกายกลับไร้เรี่ยวแรงจะลุกขึ้น นาทีนั้นปฐพีโทษว่าตนดูแลน้องไม่ดีพอ เขาจึงตั้งปณิธานว่าต่อไปปรเมศร์ปรารถนาสิ่งใดเขาจะไม่ขัดใจและพร้อมปูทางเพื่อให้ปรเมศร์ได้รับความสมหวัง ปรเมศร์จะได้ไม่ต้องดิ้นรนด้วยตัวเองให้ร่างกายอ่อนแอยิ่งเจ็บป่วยอีก
รูปถูกพลิกด้านหลังปรากฏชื่อ รัญชิดา ชื่อของหญิงสาวเจ้าของใบหน้าสะสวยที่ปรเมศร์หลงรักอยู่ข้างเดียว ปรเมศร์เล่าว่าตนมักแวะเวียนไปดักรอดูกิจวัตรประจำวันของหญิงสาว ไม่แปลกเลยถ้าทุกเรื่องราวที่ปรเมศร์บอกเล่าผ่านอีเมลราวบันทึกประจำวันจะมีแต่เรื่องของผู้หญิงคนนี้
ซึ่งสำหรับปรเมศร์แล้ว รัญชิดาเปรียบเสมือนตัวแทนของทุกสิ่ง เป็นทุกสิ่งที่หล่อหลอมให้ปรเมศร์อยู่บนโลกใบนี้ด้วยความสุข แต่แล้วความสุขอยู่กับปรเมศร์ได้ไม่นานเมื่อผู้หญิงคนหนึ่งมายื่นจดหมาย และบอกรัญชิดาฝากมาให้ เนื้อความเพียงไม่กี่คำในจดหมาย ทำให้ร่างกายมีโรคแทรกซ้อนของปรเมศร์ทรุดหนัก ร้ายกว่านั้นมะเร็งได้กลืนกินช่วงชีวิตของปรเมศร์ให้สั้นลงจนเกินเยียวยา
ปรเมศร์นอนละเมอทุกวันจนจับไข้ ทั้งสภาพร่างกายและจิตใจอ่อนแอเช่นนี้  ไม่นานปรเมศร์ก็ทนต่อโรคภัยไม่ไหว แต่ก่อนจะจากไป ปรเมศร์ได้ขอร้องเขาเรื่องหนึ่ง เป็นคำขอร้องครั้งสุดท้ายที่ปฐพีจะต้องทำให้น้องชายสมหวังให้ได้
บ้านไร่ของเราสวยและอบอุ่น ถ้าคุณรัญได้มาเห็นคงจะชอบมาก เธอรักธรรมชาติ ผมอยากให้พี่ใหญ่พาเธอมาที่นี่ มาอยู่ที่บ้านไร่ของเรา พี่ใหญ่ มันจะเป็นไปได้ไหมครับ
“นายเล็ก ฉันทำให้นายได้ทุกอย่าง ผู้หญิงคนนั้นจะต้องอยู่ที่นี่ อยู่กับนายตลอดไป” พูดจบ คิ้วดำขมวดมุ่นก่อนเก็บรูปลงลิ้นชัก จากนั้นลุกจากโต๊ะและก้าวออกจากห้องไป

 เที่ยงคืนแล้วภายในห้องนอน รัญชิดาละเมียดละไมทาครีมบำรุงผิว พร้อมทบทวนชะตาฟ้าที่ลิขิตให้ชีวิตของเธอพบความพลิกผัน จากสาวสังคมเมืองกลายมาเป็นนายหญิงบ้านไร่ แล้ววันรุ่งขึ้นยังจะถูกลิขิตพลิกผันไปเป็นคนงานในไร่องุ่น
หญิงสาวหยุดทาครีม ก่อนจะลุกไปนั่งลงตรงเก้าอี้ชุดทรงกลมริมหน้าต่าง  ส่งสายตาทอดมองไปบนท้องฟ้ากว้างที่มีแสงกะพริบของหมู่ดาวราวจับจ้องความเคลื่อนไหวทุกสรรพสิ่งบนโลก
!!!..เสียงเคาะประตู ตามด้วยเสียงเรียกของปฐพี
“รัญชิดา!
มีอะไรอีกล่ะรัญชิดาไม่พ้นบ่นอุบในใจ ก่อนลุกไปเปิดประตูและมองเห็นว่าชายหนุ่มที่ยืนยังคงสวมชุดเดิม “คุณปฐพีมีอะไรอีกคะ?” เธอเอ่ยถามน้ำเสียงติดรำคาญ พลางตัดพ้อขึ้นในใจว่าวันนี้เธอได้พบเจอเรื่องราวแปลกใหม่มามาก จนร่างกายอ่อนเพลียเกินกว่าจะต่อปากต่อคำกับเขาแล้วนะ
“ทำไมล่ะถ้าไม่มีอะไร คุยด้วยไม่ได้หรือไง?” สีหน้าแววตาปฐพีบึ้งตึงขึ้นทันตา เมื่อเห็นหญิงสาวชักสีหน้ารำคาญใส่
 รัญชิดามองคนตรงหน้าทำท่าเอาเรื่องยิ่งชวนให้นึกหมั่นไส้ คนอะไรดุตลอด แล้วนี่จะมาเล่นงานอะไรกับเธออีก เชอะ ไม่ไหวจะยอมแล้ว พรุ่งนี้เธอจะไปเป็นคนงานในไร่ให้เขาได้โขกสับอย่างสาแก่ใจอยู่แล้วนี่นา ก็น่าจะพอใจและวางมือให้เธอได้พักผ่อนบ้างสิ
ความเอือมระอาทำให้เธอคิดหันหลังเดินกลับไปนั่งลงตรงที่เดิม ทว่าถูกแรงมหาศาลกระชากต้นแขนกลับไปหาโดยไม่ทันตั้งตัว ส่งผลให้หน้าอกตูมปะทะอกแกร่งเข้าอย่างจัง
“นี่คุณ!” รัญชิดาพยายามดันตัวออกจากอ้อมแขน ที่รัดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก ทว่ามดหรือจะสู้แรงช้าง กวางหรือจะสู้แรงราชสีห์ ที่แรงเยอะแล้วยังคำรามเก่งอีก
“ฉันเคยเตือนเธอแล้วรัญชิดา ว่าอย่าดื้อกับฉันให้มาก เธอน่าจะรู้ถึงบทลงโทษดี” ปฐพีตอกย้ำถึงบทลงโทษที่เธอได้รับมาก่อนหน้านั้น ซึ่งก็ทำให้เธอตกตื่นไม่น้อย
“ฉันไปดื้อกับคุณตอนไหน ฉันแค่เหนื่อย อยากพักผ่อน แล้วคุณไม่เหนื่อยบ้างหรือคะที่ตามตอแยฉันอยู่แบบนี้” ปากทำกล้าโต้แย้งออกไป มือก็คอยแกะคอยบิดให้หลุดจากการเกาะกุม แต่ยังไม่ทำให้ส่วนไหนหลุดจากมือเหนียวหนึบของเขาเลยสักนิด
“ท่าทางแบบนี้แหละที่เรียกว่าดื้อ” ปฐพีจ้องตาอีกฝ่าย ขณะกอดรัดร่างดิ้นขลุกขลักแน่นเข้าอีก “ฉันแค่อยากมาบอกขอบคุณเธอเรื่องนวลฉวี แต่เห็นฤทธิ์พยศเธอตอนนี้ มันทำให้ฉันเปลี่ยนใจ อยากทำแบบนี้มากกว่า..”
สิ้นเสียงห้าว ปฐพีก้มลงมอบจูบหนักหน่วง ใช้ปลายลิ้นดุนดันตวัดชิมรสหวานในปากที่ชุ่มชื้นนุ่มหอม กระทั่งพอใจ
“คุณ! ลงโทษฉันเรื่องอะไร?” หญิงสาวปล่อยเสียงอุทานเมื่อริมฝีปากเป็นอิสระ ด้วยไม่เข้าใจว่าทำผิดอะไรเหตุใดเขาจึงต้องลงทัณฑ์
“จูบนี้เป็นการขอบคุณที่เธอช่วยเหลือคนงานของฉันในวันนี้ต่างหาก”
หลังจากตะลึงกับริมฝีปากอิ่มบวมเจ่อชั่วขณะ ชายหนุ่มรีบอธิบายสั้น ๆ ก่อนที่ร่างสูงจะถอยหลังและเดินออกจากห้อง โดยไม่ปล่อยโอกาสให้หญิงสาวได้รู้เลยว่านี่คือการหลบฉาก ซึ่งพ้นประตูมาแล้วปฐพีก็ได้แต่นึกโมโหที่เผลอตัวติดบ่วงเสน่หาของหญิงสาว ผู้หญิงคนนี้อันตรายจริง ๆ
เพราะเพียงแค่เขาเข้าใกล้ร่างนุ่มหอมนั่น หัวใจชายก็แกว่งไกวจนสับสนไปหมด ทำให้ความตั้งใจที่ต้องการมาย้ำเตือนถึงสถานะคนงานของอีกฝ่าย ถูกบิดเบือนไปเป็นอย่างอื่น  
ส่วนทางด้านหญิงสาวเมื่อลับร่างชายหนุ่มไปแล้วก็ยังยืนขาสั่นอีกพักใหญ่ พอสงบลงได้จึงหันกลับไปนั่งลงบนเบาะนอน เหตุการณ์เมื่อครู่ไม่พ้นให้เธอเผลอยกนิ้วเรียวลูบไล้ริมฝีปากที่ยังคุกรุ่นด้วยร่องรอยจูบ วินาทีนั้นเธอสัมผัสถึงความอุ่นซ่านในหัวใจ แม้เพียงชั่ววินาที แต่เป็นวินาทีที่สร้างความสับสน และยากจะเข้าใจ
อีตาบ้า เอะอะอะไรก็จูบ สรุปแล้วเราต้องรับบทจูบจากเขาทุกเรื่องไหมเนี่ย ในเมื่อยากที่จะเข้าใจในความรู้สึกสับสน เธอก็เลือกที่จะกลบเกลื่อนมันด้วยวิธีสบถ
ปี๊ด!..เสียงเตือนจากกล่องข้อความหน้าเพจเฟสบุ๊คดังขึ้น หญิงสาวสลัดความว้าวุ่นก่อนหันไปมองหน้าจอโน้ตบุ๊คที่เธอเปิดเครื่องค้างไว้ก่อนเข้าไปอาบน้ำ
อัคนี!’ นิ้วกดปิดสถานะออนไลน์ทันที เมื่อเห็นว่ากล่องข้อความส่งสารมาจากใคร
“ขอโทษนะคะอัคนี” เธอไม่ได้คุยออนไลน์กับชายคนรักเลยนับจากรู้วันเวลาต้องเดินทางมาบ้านไร่แห่งนี้ เธอยังไม่อยากบอกความจริงกับเขา ไม่ปรารถนาจะเห็นเขาต้องผิดหวังและเสียใจ เพราะนอกจากอัคนีจะเป็นชายหนุ่มอ่อนโยนและแสนดีเสมอต้นเสมอปลาย เขายังมีอนาคตที่ต้องก้าวต่อไป ซึ่งเธอจะไม่ยอมให้เรื่องของเธอทำลายอนาคตสดใสที่รอคอยเขาอยู่แน่นอน
..มันช่างเป็นเรื่องปวดใจกับการบอกความจริงไม่ได้ เก็บไว้ก็เหมือนเป็นคนหลอกลวง แล้วเธอควรทำอย่างไรดี?
โน้ตบุ๊คถูกผลักไสไกลห่าง จากนั้นร่างเล็กทิ้งตัวลงนอน รัญชิดาอยากปลดความเหนื่อยล้าออกไปจากชีวิตด้วยการนอนหลับสนิทแล้วไม่ตื่นมาอีกเลย ในเมื่อหัวใจถูกกดดันมันทำให้เธอรู้สึกอึดอัดตลอดเวลาโดยเฉพาะเธอกำลังปิดบังความจริงกับชายหนุ่มที่รักเธออย่างจริงใจ
หญิงสาวปล่อยจิตปล่อยใจไปกับความคิดต่าง ๆ จนกระทั่งเปลือกตาค่อย ๆ ปิดสนิทลง เปิดโอกาสให้เรื่องราวในค่ำคืนอันแสนพิเศษได้ผุดพรายขึ้นมาในความฝัน..
รัญ แต่งตัวเสร็จหรือยังลูก คุณอัคนีมารอแล้วนะจ๊ะ
เสร็จแล้วค่ะคุณแม่ รัญชิดารีบหยิบสายสร้อยเข้าชุดราตรีเกาะอกสีส้มอ่อนขึ้นมาสวม ตามด้วยผ้าคลุมไหล่สีขาวเงินขริบทอง ก่อนเปิดประตูออกมายืนเผยโฉมให้มารดาเลี้ยงติชมเพิ่มความมั่นใจ สวยหรือยังคะ
สวยมากเลยลูก แววตาของประภานอกจากเป็นประกายชื่นชมความสวยเฉิดฉายไร้ที่ติของบุตรสาวคนโต ยังบ่งบอกความปลาบปลื้มที่เห็นบุตรสาวมีคู่รักเหมาะสมทั้งรูปสมบัติและคุณสมบัติ
และเมื่อร่างเล็กสมส่วนในชุดสวยหรูเดินเข้ามาในห้องรับแขก ก็ได้รับเสียงหยอกเย้าจากน้องสาวต่างมารดา ซึ่งในเวลานี้กำลังทำหน้าที่ต้อนรับชายหนุ่มคนรักผู้มานั่งคอยเธออยู่ก่อนแล้ว
แหม พี่รัญขึ้นแท่นดาวประดับฟ้าได้เลยนะเนี่ย นภาพูดจริง ๆ นะ พี่สาวของนภาเป็นคนสวยมีเสน่ห์  ไม่ว่าใครเดินผ่านต้องเหลียวหลังมามองซ้ำว่าที่เห็นใช่ดาวหลงมาเดินอยู่บนดินหรือเปล่า ไขนภาเอ่ยชมพลางหัวเราะคิก ชอบใจดวงตาค้อนขวับของเธอ
นภาชอบพูดอะไรเกินความเป็นจริงแบบนี้ล่ะค่ะอัคนี รัญชิดาต่อว่าแกมเอ็นดูน้องสาวกับอัคนี ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งแต่งกายด้วยชุดสูทหรูสีขาวสะอาดตา
อัคนีลุกยืนยิ้มหวานให้กับสองสาวพี่น้องที่พูดจาสัพยอกกันอย่างน่ารัก จากนั้นดวงตาคมเข้มบนใบหน้าหล่อเหลาของลูกชายนักธุรกิจเงินทุนหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นประกาย ชื่นชมหญิงสาวคนรักที่มีความงดงามทั้งร่างกายและจิตใจ
นภาไม่ได้พูดเกินจริงหรอกครับรัญ ผมยืนยันคำพูดนั้นอีกคน อัคนีส่งยิ้มอ่อนโยนให้กับไขนภา เพื่อสนับสนุนคำพูดของอีกฝ่าย
เลิกล้อพี่เค้าได้แล้วนภา เดี๋ยวเข้างานช้ากันพอดี เสียงประภากล่าวเตือนบุตรสาวคนเล็กอย่างเอ็นดู แม้ว่าบุตรสาวทั้งสองจะต่างมารดา แต่ทั้งสองก็รักใคร่กันดุจพี่น้องร่วมครรภ์ ประภาคิดว่าช่างเป็นบุญวาสนาที่นำพาให้เธอได้มาพบกับพ่อม่ายจิตใจดีอย่างคุณพลราม แม้ว่าฐานะของประภาจะมิใช่คุณหญิงเหมือนดังภรรยาคนเก่าที่เสียชีวิตไป แต่คุณพลรามก็ให้เกียรติเธอทุกอย่าง และนั่นทำให้ประภารักรัญชิดาดุจลูกสาวแท้ ๆ
ไม่เป็นอะไรหรอกครับ เพราะเราเผื่อเวลากันไว้แล้ว อัคนีบอกต่อมารดาของหญิงคนรัก
รัญกลับไม่ดึกหรอกนะคะ แต่ถ้าคุณแม่กับนภาง่วงก็นอนกันเลย อย่าฝืนนั่งรอรัญชิดาบอกบุคคลในครอบครัวที่เธอรักและเป็นห่วงที่สุด
งานเลี้ยงอำลาเป็นงานเลี้ยงที่ให้ความทรงจำดี ๆ ต่อนักศึกษาทุกคน เต้นรำกันให้สนุกนะลูก พูดกับบุตรสาวคนโตเสร็จ ประภาก็หันไปทางชายหนุ่ม แม่ฝากดูแลรัญด้วยนะคุณอัคนี
ครับ ผมรับรองว่าจะพารัญมาส่งก่อนเที่ยงคืนครับ
ความชื่นชมในตัวอัคนีของแม่ประภาและไขนภาฉายชัดมาก เพราะอัคนีเป็นชายหนุ่มอ่อนโยนและจริงใจ น่าคบหาต่อเพื่อน ๆ ทุกคน แม่และน้องสาวจึงวางใจในตัวเขาไปด้วย ที่สำคัญญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต่างยินดีกับมิตรภาพที่เจริญงอกงามระหว่างเธอและอัคนี ทำให้เธอรู้สึกตลอดเวลาว่าสัมพันธภาพระหว่างเธอและเขาจะต้องพัฒนามาเป็นคู่ชีวิตในวันหนึ่ง
ซึ่งภายในงานเลี้ยงอำลา ขณะเสียงเพลงบรรเลงด้วยท่วงทำนองอันไพเราะและเราทั้งสองเต้นรำกัน..ช่วงเวลานั้นอัคนีบอกรักเธอ
รัญ ผมรักรัญนะ” เขาก้มจุมพิตเบา ๆ ตรงหน้าผาก พร้อมรั้งร่างเธอมาโอบกอด
ฉันก็รักคุณค่ะ อัคนี หญิงสาวตอบรับรักจากชายคนรักเป็นครั้งแรก โดยที่ไม่รู้เลยว่าความรักของเธอมันจะยุติลงพร้อมกับบทเพลงสุดท้ายในงานเลี้ยงค่ำคืนนั้น