วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2559

บทที่2:นายหญิงบ้านไร่





ป้ายบอกทางเข้าไร่ปานเทวา ใต้ชื่อระบุเส้นทางระยะห่างระหว่างถนนถึงตัวไร่ ปฐพีชะลอรถเลี้ยวลงสู่ถนนดินลูกรังโปรยทับด้วยกรวดก้อนใหญ่กันการชะล้างหน้าดินหากถูกแรงกระหน่ำของน้ำฝน ไม่นานรถแล่นผ่านเสาสองต้นเข้าเขตรั้วไม้ที่มีดวงไฟดวงเล็กติดอยู่ แต่ละดวงทิ้งระยะห่างกันประมาณเมตรครึ่ง เป็นการแบ่งกั้นอาณาเขตระหว่างพื้นที่ป่ากับที่อยู่อาศัย ซึ่งบริเวณตรงกลางมีบ้านไม้หลังใหญ่ตั้งตระหง่านกลางอ้อมกอดขุนเขา
“สวยจังเลย” เมื่อรถจอดสนิทรัญชิดาก้าวลงมายืนตะลึงต่อสถาปัตยกรรมธรรมชาติ ที่มีความสวยงามตระการตา แต่ชายหนุ่มอีกคนกลับหรี่ตา มุมปากยกหยันพูดด้วยถ้อยคำถากถาง
“มันแค่บ้านไม้ในหุบเขา ผู้หญิงชนชั้นไฮโซอย่างเธอมองเห็นความสวยงามจากสิ่งเหล่านี้ด้วยหรือ” ปฐพีไม่คิดจะเชื่อว่าผู้หญิงวางตัวเลิศเลอ จะรู้สึกชื่นชมธรรมชาติเหล่านี้อย่างจริงใจ
“แต่มันสวยจริง ๆ นี่คะ” รัญชิดายืนยันคำพูดที่กลั่นออกจากใจ และคิดไปว่าเธอทำอะไรผิดนักหนา เหตุใดชีวิตของเธอจึงต้องพบพานผู้ชายอคติและปากร้ายเช่นนี้
“เก็บความชื่นชมของเธอไว้ให้ดี อย่าตะเกียกตะกายหนีมันไปซะก่อนล่ะ” พูดจบ ปฐพีกระตุกยิ้มพอใจกับประกายวูบไหวในดวงตาหญิงสาว จากนั้นเขาหันไปมองหญิงวัยกลางคนร่างท้วมนุ่งซิ่นกับเสื้อผ้าฝ้ายแขนยาวสีขาว เดินตรงดิ่งออกจากภายในอาคารไม้ พร้อมหญิงสาวรุ่นแต่งกายคล้ายกันสองคน
 “ป้ามาลัย ห้องจัดเตรียมเรียบร้อยดีแล้วยัง?” ปฐพีเอ่ยถาม หลังรอให้ทั้งสามเดินเข้ามาใกล้
“ค่ะ เรียบร้อยตามนายสั่งทุกอย่าง” น้ำเสียงผู้อาวุโสนอบน้อมขณะตอบคำถามนายหนุ่ม แต่สายตากลับชำเลืองหญิงสาวผู้มาใหม่ด้วยความสนอกสนใจ
“งั้นป้าพาคุณรัญชิดาไปห้องนั้นได้เลย” ปฐพีสั่งการแล้วก้มโน้มตัวไปหยิบกระเป๋าโน้ตบุ๊ค และเอกสารปึกหนึ่งบนเบาะตอนหลัง
“ค่ะ” ตอบแล้ว ป้าแม่บ้านยังเผื่อแผ่ยิ้มอบอุ่นมาให้เธอด้วย
“กฎระเบียบต่าง ๆ ของที่นี่ ป้าช่วยบอกคุณเขาหน่อยละกัน” เสียงเข้มสั่งการยังดังต่ออีก
“ค่ะ” ป้ามาลัยตอบรับ
“ผมฝากเธอด้วย เธอไม่สันทัดชีวิตชาวบ้าน” เสียงปฐพียังดังต่อเนื่อง ขณะถอยตัวออกมาปิดประตูรถ ในมือมีสัมภาระอยู่เต็ม
รัญชิดารู้ว่าท้ายประโยคปฐพีจงใจพูดเหน็บเธอ แต่เธอจะพยายามไม่ใส่ใจ ร่างเล็กขยับเข้ามายืนใกล้ผู้อาวุโส พร้อมส่งยิ้มหวาน เพราะดูป้าแม่บ้านจะมีเมตตากว่าผู้เป็นนาย และไม่ลืมส่งสายตาขอบคุณสองสาวใช้ ที่กำลังจะช่วยเธอถือของเข้าไปเก็บบนห้องพัก
“ทุกคนฟังฉันอยู่หรือเปล่า!” จู่ ๆ เสียงดุดันของปฐพีดังแทรกกลางอากาศ ซึ่งทุกคนของเขาถึงกับสะดุ้ง  ชายหนุ่มกราดสายตาคมกริบ หงุดหงิดที่ต่างให้ความสนใจหญิงสาวผู้มาใหม่จนลืมใส่ใจฟังคำสั่ง
“เออ นายใหญ่ พวกเราฟังนายอยู่ค่ะ” ป้ามาลัยเอ่ยตะกุกตะกัก รู้สึกตัวว่าตนมัวแต่ให้ความสนใจหญิงสาวอีกคน จนบรรยากาศตั้งเค้าไม่ค่อยดี
ปฐพีถอนหายใจ พลางชำเลืองมองคนต้นเหตุ ก่อนเอ่ยประชดประชัน “มาไม่ถึงนาทีก็ร่ายมนต์เสน่ห์ใส่คนของฉันหมดเลยนะรัญชิดา”
นึกแล้วเชียวต้องหันมาเล่นงานเธอ รัญชิดาหงุดหงิดใจเหมือนกัน แต่เอาเถอะ แค่ไม่อ้าปากเถียง เดี๋ยวคงหุบปากร้าย ๆ ไปเอง เมื่อเห็นเธอนิ่งเงียบไม่ตอบโต้ใด ๆ  ปฐพีหันกลับไปกล่าวย้ำกับป้ามาลัยอีกครั้ง
“ผมบอกป้าว่า สองทุ่มค่อยตั้งโต๊ะ ผมอยากอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อน อีกอย่างคุณรัญชิดาท่าจะเหนื่อยเพราะไม่เคยเดินทางลำบาก อยากให้ได้อาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวก่อนสักนิด”
เฮอะ..ไม่พ้นทิ้งท้ายพูดจิกกัดเธออีกจนได้ รัญชิดาคิดแล้วเหนื่อยใจ นี่เธอจะต้องทนฟังคำพูดเชือดเฉือนจากเขาไปตลอดชีวิตหรือเปล่าหนอ
“ค่ะๆ นายใหญ่” ป้ามาลัยพยักหน้ารับคำเสร็จ หันไปสั่งให้สองสาวใช้ขนของจากท้ายรถทันที
ก่อนเขาจะก้าวเดิน ไม่วายหันมาย้ำต่อเธอ “ป้ามาลัยดูแลทุกอย่างในบ้าน กฎระเบียบในบ้านไร่ที่ป้ามาลัยบอก เธอต้องปฏิบัติตาม เข้าใจนะรัญชิดา”
“ค่ะ” รัญชิดาตอบรับด้วยสีหน้าเรียบเฉย ขณะมองร่างสูงใหญ่ก้าวเข้าไปในอาคาร
“นายใหญ่เป็นคนเด็ดขาดแบบนี้แหละค่ะ คุณรัญชิดาค่อย ๆ ปรับตัวไปนะคะ” ป้ามาลัยหันมากุมมือปลอบใจ เมื่อลับร่างนายใหญ่ไปแล้ว
รัญชิดาพยักหน้าพร้อมยิ้มขอบคุณ ลึกในใจอยากเอ่ยแย้ง เธอปฏิบัติตามกฎระเบียบนั้นไม่ยาก แต่เรื่องยากคือการปรับตัวรับพฤติกรรมเผด็จการนายใหญ่ของป้าต่างหาก เพราะเธอนิ่งเงียบใช่ว่าเธอจะยอมเขาไปเสียทั้งหมด ที่สำคัญไม่รู้จะยอมเช่นนี้อีกนานแค่ไหนด้วยสิ
“ขอบคุณค่ะป้ามาลัย แล้วเรียกรัญเฉย ๆ ก็ได้นะคะ” รัญชิดานึกดีใจอยู่เหมือนกัน อย่างน้อยคนที่นี่ไม่ได้มีหัวใจแห้งแล้งเหมือนเจ้านาย
“ค่ะ คุณรัญ เอาล่ะป้าจะพาคุณไปห้องพัก คุณรัญจะได้พักสักหน่อย ห้องคุณรัญเตรียมไว้เรียบร้อยตามป้ามาเถอะค่ะ เดี๋ยวนางกับบัวจะช่วยกันยกข้าวของตามไป”
รัญชิดาหันไปส่งยิ้มหวานขอบคุณสองสาวใช้ จากนั้นจึงก้าวตามป้าแม่บ้านเข้าข้างใน
หญิงสาวเข้ามายืนอยู่ภายในตัวบ้านไม้กลางขุนเขา ซึ่งพื้นทั้งหมดปูด้วยปาเก้ไม้สักล้วน ๆ เธอลงความเห็นว่ามันช่างเหมือนบ้านที่อยู่ในเทพนิยาย ซึ่งมีปล่องไฟในห้องโถงกลาง ที่เด่นตาเห็นจะเป็นผนังไม้มีภาพลายเส้นคล้ายเถาองุ่นเลื้อยพันเกาะเกี่ยวกับพวงพุ่มและใบหยักองุ่นดูคล้ายหัวใจเต็มไปหมด ช่างเป็นภาพวาดที่งดงามเหมาะสมกับผนังบ้านไม้กลางขุนเขาที่พื้นฐานบรรพบุรุษทำอาชีพไร่องุ่น
จากนั้นหญิงสาวหยุดยืนเยื้องจากห้องโถงกลาง เบื้องหน้าเป็นบันไดทรงโค้งขึ้นสู่ข้างบน ผ่านหน้าต่างทรงสูง เธอเหมือนตกในภวังค์เมื่อพูดสิ่งที่หลุดจากใจออกไป
“เป็นบ้านในฝันที่น่าอยู่มากเลยค่ะ”
“ทั้งหมดเป็นฝีมือออกแบบของนายเล็กค่ะ” นัยน์ตาป้ามาลัยฉายความเอ็นดูเจ้านายผู้ล่วงลับขณะกล่าวถึง
รัญชิดาพยักหน้า เธอเข้าถึงความรักของปฐพีที่มีต่อน้องชายแล้ว เพราะไม่ว่าส่วนใดในบ้านดูเหมือนปฐพีจะให้น้องชายประทับความทรงจำไว้ทุกตารางนิ้ว
“ห้องคุณรัญก็สวยนะคะ”
“เป็นฝีมือการออกแบบของคุณปรเมศร์ด้วยหรือเปล่าคะ?”
“ค่ะ นายเล็กออกแบบไว้ให้นายใหญ่สานต่อก่อนเขาจะตาย ตามป้ามาเถอะค่ะ” ป้ามาลัยเดินนำหลังกล่าวเสร็จ ส่วนสองสาวใช้หิ้วของตามมาติด ๆ
ห้องทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าใหญ่พอสมควร มีตู้ติดผนังสองตู้ มีเตียงนอนขนาดหกฟุตปูด้วยผ้าคลุมเตียงสีชมพูโอรสด์ลวดลายใบไม้สีเขียวอ่อน ผ้าม่านสีและลายเดียวกัน โคมไฟสองตัวตั้งอยู่บนตู้เตี้ยสองข้างเตียง ตรงหน้าต่างมีโต๊ะชุดทรงกลมที่มีเก้าอี้สองตัว ภายนอกระเบียงมองผ่านประตูบานเลื่อนกระจกใสเห็นดวงจันทร์ทอแสงนวลท่ามกลางผืนฟ้าสีนิล
“ห้องจัดไว้ถูกใจคุณรัญหรือเปล่าคะ?” ป้ามาลัยเอ่ยถาม และยิ้มอ่อนโยนให้ขณะมองท่าทางนิ่งงันของเธอ
“ค่ะ” รัญชิดาตอบรับสั้น ๆ เพราะรู้ว่าถึงจะพอใจอย่างไร แต่ทุกสิ่งทุกอย่างในห้องนี้ปฐพีเนรมิตเพื่อน้องชายของเขาเท่านั้น ดูอย่างเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นสิ มันถูกจัดไว้สำหรับคนสองคนที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันภายในห้อง
“เอาเป็นว่าคุณรัญพอใจ” น้ำเสียงป้ามาลัยรื่นรมย์ “ป้าดีใจเหลือเกิน เห็นนายเลือกใครสักคนเข้ามาในชีวิตเสียที ต่อไปนี้ทุกคนในบ้านไร่จะต้องเรียกคุณว่านายหญิงนะคะ”
นายหญิง รัญชิดาเกิดประหม่าขึ้นมาทันที เมื่อจะต้องถูกเรียกด้วยคำนั้น เธอเหมาะสมกับคำเรียกขานนี้แล้วหรือ..?
“เรียกรัญเฉย ๆ ดีกว่านะคะ รัญไม่เหมาะที่ใครจะเรียกนายหญิงหรอกค่ะ”
“คุณเป็นภรรยาของนายใหญ่ อยู่ในสถานะนายหญิงบ้านไร่ปานเทวานี่คะ เอาเถอะค่ะ อย่างกังวลไปเลย คนที่นี่พร้อมดูแลคุณอย่างดี ป้าเองยังรู้สึกเอ็นดูคุณตั้งแต่แรกเห็น เชื่อว่าใครได้เห็นคุณแล้วคงรู้สึกไม่ต่างกันนักหรอก อยู่ให้สบายใจค่ะ ปรับตัวได้คุณก็ชินไปเอง”
ป้าแม่บ้านพยายามพูดให้เธอคลายกังวลกับวิถีชนบท ทว่าสิ่งที่ทำให้เธออึดอัดขัดใจดูเหมือนเป็นการต้องตกอยู่ภายใต้คำบัญชาผู้เป็นเจ้านายของป้าเสียมากกว่า
“นายใหญ่ของป้าเป็นคนเผด็จการมากเลยนะคะ”
“ไม่ทุกเรื่องหรอกค่ะ บางเรื่องนายรับฟัง แต่บางเรื่องต้องทำตามนายสั่งเท่านั้น อย่างนี้แหละค่ะเจ้าของไร่ต้องคุมคนงานเป็นร้อย ถ้าไม่เด็ดขาดซะบ้างจะคุมคนงานไม่อยู่ อ้อ นางกับบัวมาพอดี” พูดจบป้ามาลัยหันไปทางนางและบัว เธอพอจะดูออกว่าผู้อาวุโสปรารถนาหลบเลี่ยงการกล่าวพาดพิงถึงเจ้านายหนุ่ม
หญิงสาวจึงหันไปสนใจคนช่วยยกกระเป๋าของเธอเข้ามาวางไว้ภายในห้อง สองสาวต่างอยู่ในช่วงวัยรุ่นไม่น่าเกินยี่สิบ คนแรกที่ป้ามาลัยบอกชื่อนาง มีผิวคล้ำตาโตตัวเล็กผอมแต่ดูแข็งแรง ส่วนอีกคนชื่อบัว มีผิวขาวตาเล็กหยีรูปร่างท้วม
“บัวจะรับผิดชอบงานข้างล่างกับงานครัวเป็นหลัก ส่วนนางจะรับผิดชอบข้างบน รวมทั้งส่งอาหารกลางวันไปให้คนงานในไร่ นายหญิงมีอะไรเรียกใช้สองคนนี้ได้เลยนะคะ” ป้ามาลัยอธิบายก่อนจะหันไปกำชับสองสาวรุ่นว่า “เธอสองคนก็ต้องเชื่อฟังนายหญิงรัญ เข้าใจมั้ย”
เงียบ..ไร้เสียงตอบรับ เพราะสองสาวกำลังให้ความสนใจกับสาวสวยผู้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนายหญิงบ้านไร่เสียแล้ว
“คุณสวยจังเลย เหมือนนางเอกในละครหลังข่าว” นางเปรยขึ้น แววตาเป็นประกาย ส่วนบัวไม่เพียงพยักพเยิดเห็นด้วย ยังทำตาซึ้งฝันหวานพร้อมกล่าวเสริม
“จริงด้วย ผิวก็..ขาว ตาก็ ส้วย..สวย”
รัญชิดาอมยิ้ม ใช่ว่าเธอจะไม่เคยถูกคำเยินยอระยะกระชั้นชิดเช่นนี้ แต่เพราะเห็นท่าทางฝันหวานของทั้งสองขัดกับท่าทางเอาเรื่องของป้ามาลัย จึงทำให้เธอเกิดอารมณ์ขันและพลอยให้รู้สึกว่าหัวใจเริ่มมีความรื่นรมย์พัดผ่านเข้ามาบ้าง
“จ้องอะไรคุณเค้านักหนา เห็นมั้ยคุณเค้าอายม้วนต้วนแล้ว ไปจัดสำรับขึ้นโต๊ะรอนายเดี๋ยวนี้เลย” เสียงป้ามาลัยเอ็ดแกมเอ็นดูสองสาวใช้ แต่ทว่าสองนางยังคงยืนยิ้มกระซิบกระซาบกัน
“นาง...บัว..” เสียงลากยาวเน้นชื่อทีละคน พร้อมจ้องตาปราม ไม่ได้ทำให้ทั้งสองกระดิกตัว จนป้ามาลัยต้องใช้คำขู่ “ไม่ไปใช่มั้ย ดี ถ้านายออกจากห้องมาเมื่อไหร่ฉันจะรายงานให้นายลงโทษพวกเธอให้เข็ดเชียว”
เมื่อคำขู่ดูเหมือนจะมาพร้อมบรรยากาศแฝงความเยียบเย็น บัวและนางต่างกลัวลานรีบรุดออกไปปฏิบัติหน้าที่กันโดยบัดดล “ไปแล้วจ้าป้า ไปแล้วววว!!
รัญชิดาและป้ามาลัยต่างหันมองสบตากัน และปล่อยเสียงหัวเราะคิกคักขบขันท่าทางคนวิ่งเกือบจะชนกันออกไป
“นายหญิงอย่าไปถือสาคนบ้านนอกเลยนะคะ พวกนี้คิดอะไรทำอะไรตามประสาคนซื่อ เอ่อ เดี๋ยวป้าต้องตามไปดูเจ้าสองคนนั้นก่อน นายหญิงอาบน้ำอาบท่าแล้วรอในห้องนะคะ สองทุ่มป้าจะให้นางขึ้นมาตาม”
“ขอบคุณค่ะป้ามาลัย” รัญชิดามองร่างท้วมของป้าแม่บ้านจนลับตา จากนั้นร่างเล็กเดินมาทิ้งตัวลงนั่งบนที่นอนถอนใจด้วยความโล่งอก อาจพูดได้ว่าชะตาชีวิตไม่เลวร้ายไปเสียทั้งหมด อย่างน้อยภายในบ้านไร่แห่งนี้ ยังมีบุคคลต้อนรับเธอด้วยไมตรีจิตและมันทำให้เธออุ่นใจ
หญิงสาวใช้เวลาไม่นานอาบน้ำและแต่งตัวใหม่ เธอนั่งตรงมุมหน้าต่างที่มีโต๊ะทรงกลมพร้อมเก้าอี้เข้าชุดสองตัวเพื่อรอนาง ระหว่างจิตใจสงบเธอปล่อยความคิดล่องลอยไปกับเรื่องราวต่าง ๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงเข้มของคนที่เปิดประตูเข้ามา
“รัญชิดา ฉันบอกไว้ก่อนเลยนะ ว่าฉันไม่ยอมเสียเงินเป็นล้านเพื่อให้เธอมานั่งมานอนเฉย ๆ แน่”
คำพูดของปฐพีเรียกก้อนสะอื้นที่หลงลืมชั่วขณะเผยตัวขึ้นมาอีก เธอยันตัวลุกขึ้นเพื่อตอบรับความเข้าใจ
“ฉันรู้ค่ะ” รัญชิดาสงสัยว่า เธอเข้าใจจริง หรือเพียงตอกย้ำให้กับชะตากรรมของตัวเอง แต่ที่แน่ ๆ ผู้ชายคนนี้ไม่มีวันปล่อยให้เธออยู่กับความสงบสุขได้หรอก
“ห้องเป็นไงบ้าง ถูกใจหรือเปล่า?”
ขณะเอ่ยถาม ปฐพีก็กวาดตาสำรวจไปทั่วห้อง รัญชิดาถอนใจกับน้ำเสียงห้วนที่ไม่น่าคุยด้วย ก่อนตอบสั้น ๆ
“ค่ะ”  พลางคิดว่า ถ้าไม่ถูกใจ เธอจะมีสิทธิ์เปลี่ยนแปลงมันไหม
ซึ่งไอ้อาการขัดอกขัดใจของเธอ มันคงส่อให้คนตรงหน้าสังเกตเห็น เขาถึงได้ก้าวเข้ามาประชิด พร้อมคำเตือน
“รัญชิดาเธอควรรู้ตัวว่าเธอมาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร อย่าดื้อกับฉันให้มันมากนัก เพราะมันจะไม่เป็นผลดีต่อตัวเธอเลยจำไว้”
รัญชิดาตระหนักกับสิ่งที่เขาพูด โดยเฉพาะหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่ถูกเขาจู่โจมภายในรถตอนหัวค่ำ เธอถึงกลับผงะถอย รีบตอบรับความเข้าใจด้วยเสียงสั่นเครือ
“ฉันรู้ค่ะ ว่าผู้หญิงถูกแลกมาด้วยหนี้ควรทำตัวยังไง”
“รู้ได้อย่างนั้นก็ดี ฉะนั้นเมื่อฉันสั่งให้ทำอะไร เธอก็ต้องทำ”
“คุณจะให้ฉันทำอะไรค่ะ?” ความตื่นตระหนกทำให้เธอรีบเอ่ยถาม ทั้งที่เคยบอกว่าต้องการให้เธอมาอยู่เป็นเพื่อนดวงจิตของน้องชายที่ดับสลายไปอย่างไม่สงบ แต่เขาเล่นพูดกำกวมแบบนี้มันก็ทำให้เธอคิดไกลเป็นอื่น
คิดจะถือสิทธิ์ในตัวเราหรือเปล่า!เขามีสิทธิ์เต็มที่ซะด้วยสิ!’
“อย่าเพิ่งคิดไปไกลว่าฉันจะอยากได้เธอมาเป็นเมียจริง ๆ” เขาพูดเหมือนอ่านใจเธอได้ “แต่ก็ไม่แน่ ถ้าเธอยังขืนยืนอยู่อย่างนี้ในขณะฉันกำลังหิวจนตาลาย เพราะฉันอาจจะกินเธอแทนข้าวก็ได้ ลงไปกินข้าวได้แล้ว” ทำเสียงดุใส่แล้ว เขาก็ปล่อยเสียงหัวเราะและหันหลังก้าวเดินออกไป
รัญชิดาขุ่นเคืองกับเสียงหัวเราะผ่านริมฝีปากหนานั่น เธอมองตามแผ่นหลังกว้างไปอย่างหงุดหงิด พลางก่นว่าในใจ ลงก็ลงซิ ต้องมาขู่กันด้วย..คนบ้า!’

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น