ระหว่างนั่งรถกลับบ้านไร่ด้วยกัน
ปฐพีชำเลืองไปทางหญิงสาวด้านข้าง สะใจอยู่บ้างเมื่อยังเห็นความกังวลเกาะกุมบนใบหน้าอีกฝ่าย
เขาสังเกตเห็นมันก่อตัวตั้งแต่ได้คุยกับเมฆเรื่องเบิกเงินล่วงหน้าเพื่อนำไปชดใช้หนี้สิน
ซึ่งเงินที่เบิกไปผู้ที่ต้องชดใช้คือนายหญิงรัญ..
เมื่อรถจอดบนลานหน้าบ้านไร่
ปฐพียืนมองหญิงสาวลงจากรถได้รีบก้าวเข้าภายในอาคารและขึ้นบนห้องพักทันที
เขาคิดว่าคืนนี้คงจะเหนื่อยเกินตามเอาเรื่องอีกฝ่ายที่กล้าเดินหนีเขาไป
จึงพาตนเองเข้ามานั่งอยู่ในห้องทำงาน
ชายหนุ่มดึงลิ้นชักหยิบภาพถ่ายคู่ของหญิงสาวดวงตาแจ่มใส
กับชายหนุ่มหน้าตาคลับคล้ายกับเขาต่างแต่ร่างเล็กและผอมกว่า แรกนั้นภาพนี้เป็นภาพถ่ายเดี่ยว
แต่ถูกนำมาดัดแปลงให้เป็นภาพถ่ายคู่ ซึ่งชายหนุ่มที่นำรูปตนมาตัดต่อเพื่อให้ได้เคียงคู่หญิงสาวในดวงใจก็คือปรเมศร์
น้องชายของเขานั่นเอง
เมื่อสูญเสียบุพการีไปแล้วปฐพีต้องกลายเป็นผู้ปกครองปรเมศร์ตั้งแต่น้องชายอายุย่างสิบสาม
เขาส่งน้องไปโรงเรียน คอยแวะรับกลับบ้าน สอนการบ้านและดูแลในยามป่วยไข้ ปฐพีเลี้ยงปรเมศร์ด้วยความรักทั้งหมดที่มี
เพราะรู้มาตลอดว่าร่างกายผอมบางของน้องชายไม่แข็งแรงมาแต่กำเนิด
มีครั้งหนึ่งปรเมศร์หนีไปเที่ยวเล่นในไร่
เย็นแล้วยังไม่เห็นกลับ เขาห่วงน้องมากจนหัวเสีย และคาดโทษว่าถ้ากลับมาเมื่อไหร่จะจับทำโทษเสียให้เข็ด
ทว่าเมื่อออกตามหาและพบว่าปรเมศร์เป็นลมล้มพับอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
แต่พอฟื้นร่างกายกลับไร้เรี่ยวแรงจะลุกขึ้น นาทีนั้นปฐพีโทษว่าตนดูแลน้องไม่ดีพอ เขาจึงตั้งปณิธานว่าต่อไปปรเมศร์ปรารถนาสิ่งใดเขาจะไม่ขัดใจและพร้อมปูทางเพื่อให้ปรเมศร์ได้รับความสมหวัง
ปรเมศร์จะได้ไม่ต้องดิ้นรนด้วยตัวเองให้ร่างกายอ่อนแอยิ่งเจ็บป่วยอีก
รูปถูกพลิกด้านหลังปรากฏชื่อ
‘รัญชิดา’ ชื่อของหญิงสาวเจ้าของใบหน้าสะสวยที่ปรเมศร์หลงรักอยู่ข้างเดียว
ปรเมศร์เล่าว่าตนมักแวะเวียนไปดักรอดูกิจวัตรประจำวันของหญิงสาว ไม่แปลกเลยถ้าทุกเรื่องราวที่ปรเมศร์บอกเล่าผ่านอีเมลราวบันทึกประจำวันจะมีแต่เรื่องของผู้หญิงคนนี้
ซึ่งสำหรับปรเมศร์แล้ว
รัญชิดาเปรียบเสมือนตัวแทนของทุกสิ่ง
เป็นทุกสิ่งที่หล่อหลอมให้ปรเมศร์อยู่บนโลกใบนี้ด้วยความสุข
แต่แล้วความสุขอยู่กับปรเมศร์ได้ไม่นานเมื่อผู้หญิงคนหนึ่งมายื่นจดหมาย
และบอกรัญชิดาฝากมาให้ เนื้อความเพียงไม่กี่คำในจดหมาย ทำให้ร่างกายมีโรคแทรกซ้อนของปรเมศร์ทรุดหนัก
ร้ายกว่านั้นมะเร็งได้กลืนกินช่วงชีวิตของปรเมศร์ให้สั้นลงจนเกินเยียวยา
ปรเมศร์นอนละเมอทุกวันจนจับไข้
ทั้งสภาพร่างกายและจิตใจอ่อนแอเช่นนี้
ไม่นานปรเมศร์ก็ทนต่อโรคภัยไม่ไหว แต่ก่อนจะจากไป
ปรเมศร์ได้ขอร้องเขาเรื่องหนึ่ง
เป็นคำขอร้องครั้งสุดท้ายที่ปฐพีจะต้องทำให้น้องชายสมหวังให้ได้
‘บ้านไร่ของเราสวยและอบอุ่น ถ้าคุณรัญได้มาเห็นคงจะชอบมาก
เธอรักธรรมชาติ ผมอยากให้พี่ใหญ่พาเธอมาที่นี่ มาอยู่ที่บ้านไร่ของเรา พี่ใหญ่
มันจะเป็นไปได้ไหมครับ’
“นายเล็ก
ฉันทำให้นายได้ทุกอย่าง ผู้หญิงคนนั้นจะต้องอยู่ที่นี่ อยู่กับนายตลอดไป” พูดจบ
คิ้วดำขมวดมุ่นก่อนเก็บรูปลงลิ้นชัก จากนั้นลุกจากโต๊ะและก้าวออกจากห้องไป
เที่ยงคืนแล้วภายในห้องนอน รัญชิดาละเมียดละไมทาครีมบำรุงผิว
พร้อมทบทวนชะตาฟ้าที่ลิขิตให้ชีวิตของเธอพบความพลิกผัน จากสาวสังคมเมืองกลายมาเป็นนายหญิงบ้านไร่
แล้ววันรุ่งขึ้นยังจะถูกลิขิตพลิกผันไปเป็นคนงานในไร่องุ่น
หญิงสาวหยุดทาครีม
ก่อนจะลุกไปนั่งลงตรงเก้าอี้ชุดทรงกลมริมหน้าต่าง ส่งสายตาทอดมองไปบนท้องฟ้ากว้างที่มีแสงกะพริบของหมู่ดาวราวจับจ้องความเคลื่อนไหวทุกสรรพสิ่งบนโลก
!!!..เสียงเคาะประตู ตามด้วยเสียงเรียกของปฐพี
“รัญชิดา!”
‘มีอะไรอีกล่ะ’ รัญชิดาไม่พ้นบ่นอุบในใจ
ก่อนลุกไปเปิดประตูและมองเห็นว่าชายหนุ่มที่ยืนยังคงสวมชุดเดิม “คุณปฐพีมีอะไรอีกคะ?”
เธอเอ่ยถามน้ำเสียงติดรำคาญ พลางตัดพ้อขึ้นในใจว่าวันนี้เธอได้พบเจอเรื่องราวแปลกใหม่มามาก
จนร่างกายอ่อนเพลียเกินกว่าจะต่อปากต่อคำกับเขาแล้วนะ
“ทำไมล่ะถ้าไม่มีอะไร
คุยด้วยไม่ได้หรือไง?” สีหน้าแววตาปฐพีบึ้งตึงขึ้นทันตา เมื่อเห็นหญิงสาวชักสีหน้ารำคาญใส่
รัญชิดามองคนตรงหน้าทำท่าเอาเรื่องยิ่งชวนให้นึกหมั่นไส้
คนอะไรดุตลอด แล้วนี่จะมาเล่นงานอะไรกับเธออีก ‘เชอะ ไม่ไหวจะยอมแล้ว’ พรุ่งนี้เธอจะไปเป็นคนงานในไร่ให้เขาได้โขกสับอย่างสาแก่ใจอยู่แล้วนี่นา
ก็น่าจะพอใจและวางมือให้เธอได้พักผ่อนบ้างสิ
ความเอือมระอาทำให้เธอคิดหันหลังเดินกลับไปนั่งลงตรงที่เดิม
ทว่าถูกแรงมหาศาลกระชากต้นแขนกลับไปหาโดยไม่ทันตั้งตัว ส่งผลให้หน้าอกตูมปะทะอกแกร่งเข้าอย่างจัง
“นี่คุณ!” รัญชิดาพยายามดันตัวออกจากอ้อมแขน ที่รัดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก
ทว่ามดหรือจะสู้แรงช้าง กวางหรือจะสู้แรงราชสีห์ ที่แรงเยอะแล้วยังคำรามเก่งอีก
“ฉันเคยเตือนเธอแล้วรัญชิดา
ว่าอย่าดื้อกับฉันให้มาก เธอน่าจะรู้ถึงบทลงโทษดี” ปฐพีตอกย้ำถึงบทลงโทษที่เธอได้รับมาก่อนหน้านั้น
ซึ่งก็ทำให้เธอตกตื่นไม่น้อย
“ฉันไปดื้อกับคุณตอนไหน
ฉันแค่เหนื่อย อยากพักผ่อน แล้วคุณไม่เหนื่อยบ้างหรือคะที่ตามตอแยฉันอยู่แบบนี้” ปากทำกล้าโต้แย้งออกไป
มือก็คอยแกะคอยบิดให้หลุดจากการเกาะกุม แต่ยังไม่ทำให้ส่วนไหนหลุดจากมือเหนียวหนึบของเขาเลยสักนิด
“ท่าทางแบบนี้แหละที่เรียกว่าดื้อ”
ปฐพีจ้องตาอีกฝ่าย ขณะกอดรัดร่างดิ้นขลุกขลักแน่นเข้าอีก “ฉันแค่อยากมาบอกขอบคุณเธอเรื่องนวลฉวี
แต่เห็นฤทธิ์พยศเธอตอนนี้ มันทำให้ฉันเปลี่ยนใจ อยากทำแบบนี้มากกว่า..”
สิ้นเสียงห้าว ปฐพีก้มลงมอบจูบหนักหน่วง
ใช้ปลายลิ้นดุนดันตวัดชิมรสหวานในปากที่ชุ่มชื้นนุ่มหอม กระทั่งพอใจ
“คุณ! ลงโทษฉันเรื่องอะไร?” หญิงสาวปล่อยเสียงอุทานเมื่อริมฝีปากเป็นอิสระ
ด้วยไม่เข้าใจว่าทำผิดอะไรเหตุใดเขาจึงต้องลงทัณฑ์
“จูบนี้เป็นการขอบคุณที่เธอช่วยเหลือคนงานของฉันในวันนี้ต่างหาก”
หลังจากตะลึงกับริมฝีปากอิ่มบวมเจ่อชั่วขณะ
ชายหนุ่มรีบอธิบายสั้น ๆ ก่อนที่ร่างสูงจะถอยหลังและเดินออกจากห้อง
โดยไม่ปล่อยโอกาสให้หญิงสาวได้รู้เลยว่านี่คือการหลบฉาก ซึ่งพ้นประตูมาแล้วปฐพีก็ได้แต่นึกโมโหที่เผลอตัวติดบ่วงเสน่หาของหญิงสาว
‘ผู้หญิงคนนี้อันตรายจริง
ๆ’
เพราะเพียงแค่เขาเข้าใกล้ร่างนุ่มหอมนั่น
หัวใจชายก็แกว่งไกวจนสับสนไปหมด ทำให้ความตั้งใจที่ต้องการมาย้ำเตือนถึงสถานะคนงานของอีกฝ่าย
ถูกบิดเบือนไปเป็นอย่างอื่น
ส่วนทางด้านหญิงสาวเมื่อลับร่างชายหนุ่มไปแล้วก็ยังยืนขาสั่นอีกพักใหญ่
พอสงบลงได้จึงหันกลับไปนั่งลงบนเบาะนอน เหตุการณ์เมื่อครู่ไม่พ้นให้เธอเผลอยกนิ้วเรียวลูบไล้ริมฝีปากที่ยังคุกรุ่นด้วยร่องรอยจูบ
วินาทีนั้นเธอสัมผัสถึงความอุ่นซ่านในหัวใจ แม้เพียงชั่ววินาที
แต่เป็นวินาทีที่สร้างความสับสน และยากจะเข้าใจ
‘อีตาบ้า เอะอะอะไรก็จูบ
สรุปแล้วเราต้องรับบทจูบจากเขาทุกเรื่องไหมเนี่ย’ ในเมื่อยากที่จะเข้าใจในความรู้สึกสับสน
เธอก็เลือกที่จะกลบเกลื่อนมันด้วยวิธีสบถ
ปี๊ด!..เสียงเตือนจากกล่องข้อความหน้าเพจเฟสบุ๊คดังขึ้น
หญิงสาวสลัดความว้าวุ่นก่อนหันไปมองหน้าจอโน้ตบุ๊คที่เธอเปิดเครื่องค้างไว้ก่อนเข้าไปอาบน้ำ
‘อัคนี!’ นิ้วกดปิดสถานะออนไลน์ทันที
เมื่อเห็นว่ากล่องข้อความส่งสารมาจากใคร
“ขอโทษนะคะอัคนี”
เธอไม่ได้คุยออนไลน์กับชายคนรักเลยนับจากรู้วันเวลาต้องเดินทางมาบ้านไร่แห่งนี้
เธอยังไม่อยากบอกความจริงกับเขา ไม่ปรารถนาจะเห็นเขาต้องผิดหวังและเสียใจ เพราะนอกจากอัคนีจะเป็นชายหนุ่มอ่อนโยนและแสนดีเสมอต้นเสมอปลาย
เขายังมีอนาคตที่ต้องก้าวต่อไป ซึ่งเธอจะไม่ยอมให้เรื่องของเธอทำลายอนาคตสดใสที่รอคอยเขาอยู่แน่นอน
..มันช่างเป็นเรื่องปวดใจกับการบอกความจริงไม่ได้
เก็บไว้ก็เหมือนเป็นคนหลอกลวง แล้วเธอควรทำอย่างไรดี?
โน้ตบุ๊คถูกผลักไสไกลห่าง
จากนั้นร่างเล็กทิ้งตัวลงนอน
รัญชิดาอยากปลดความเหนื่อยล้าออกไปจากชีวิตด้วยการนอนหลับสนิทแล้วไม่ตื่นมาอีกเลย ในเมื่อหัวใจถูกกดดันมันทำให้เธอรู้สึกอึดอัดตลอดเวลาโดยเฉพาะเธอกำลังปิดบังความจริงกับชายหนุ่มที่รักเธออย่างจริงใจ
หญิงสาวปล่อยจิตปล่อยใจไปกับความคิดต่าง
ๆ จนกระทั่งเปลือกตาค่อย ๆ ปิดสนิทลง เปิดโอกาสให้เรื่องราวในค่ำคืนอันแสนพิเศษได้ผุดพรายขึ้นมาในความฝัน..
‘รัญ แต่งตัวเสร็จหรือยังลูก คุณอัคนีมารอแล้วนะจ๊ะ’
‘เสร็จแล้วค่ะคุณแม่’
รัญชิดารีบหยิบสายสร้อยเข้าชุดราตรีเกาะอกสีส้มอ่อนขึ้นมาสวม
ตามด้วยผ้าคลุมไหล่สีขาวเงินขริบทอง ก่อนเปิดประตูออกมายืนเผยโฉมให้มารดาเลี้ยงติชมเพิ่มความมั่นใจ
‘สวยหรือยังคะ’
‘สวยมากเลยลูก’ แววตาของประภานอกจากเป็นประกายชื่นชมความสวยเฉิดฉายไร้ที่ติของบุตรสาวคนโต
ยังบ่งบอกความปลาบปลื้มที่เห็นบุตรสาวมีคู่รักเหมาะสมทั้งรูปสมบัติและคุณสมบัติ
และเมื่อร่างเล็กสมส่วนในชุดสวยหรูเดินเข้ามาในห้องรับแขก
ก็ได้รับเสียงหยอกเย้าจากน้องสาวต่างมารดา
ซึ่งในเวลานี้กำลังทำหน้าที่ต้อนรับชายหนุ่มคนรักผู้มานั่งคอยเธออยู่ก่อนแล้ว
‘แหม พี่รัญขึ้นแท่นดาวประดับฟ้าได้เลยนะเนี่ย นภาพูดจริง ๆ นะ พี่สาวของนภาเป็นคนสวยมีเสน่ห์ ไม่ว่าใครเดินผ่านต้องเหลียวหลังมามองซ้ำว่าที่เห็นใช่ดาวหลงมาเดินอยู่บนดินหรือเปล่า’ ’
ไขนภาเอ่ยชมพลางหัวเราะคิก ชอบใจดวงตาค้อนขวับของเธอ
‘นภาชอบพูดอะไรเกินความเป็นจริงแบบนี้ล่ะค่ะอัคนี’ รัญชิดาต่อว่าแกมเอ็นดูน้องสาวกับอัคนี ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งแต่งกายด้วยชุดสูทหรูสีขาวสะอาดตา
อัคนีลุกยืนยิ้มหวานให้กับสองสาวพี่น้องที่พูดจาสัพยอกกันอย่างน่ารัก
จากนั้นดวงตาคมเข้มบนใบหน้าหล่อเหลาของลูกชายนักธุรกิจเงินทุนหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นประกาย
ชื่นชมหญิงสาวคนรักที่มีความงดงามทั้งร่างกายและจิตใจ
‘นภาไม่ได้พูดเกินจริงหรอกครับรัญ ผมยืนยันคำพูดนั้นอีกคน’ อัคนีส่งยิ้มอ่อนโยนให้กับไขนภา
เพื่อสนับสนุนคำพูดของอีกฝ่าย
‘เลิกล้อพี่เค้าได้แล้วนภา เดี๋ยวเข้างานช้ากันพอดี’ เสียงประภากล่าวเตือนบุตรสาวคนเล็กอย่างเอ็นดู
แม้ว่าบุตรสาวทั้งสองจะต่างมารดา แต่ทั้งสองก็รักใคร่กันดุจพี่น้องร่วมครรภ์
ประภาคิดว่าช่างเป็นบุญวาสนาที่นำพาให้เธอได้มาพบกับพ่อม่ายจิตใจดีอย่างคุณพลราม
แม้ว่าฐานะของประภาจะมิใช่คุณหญิงเหมือนดังภรรยาคนเก่าที่เสียชีวิตไป
แต่คุณพลรามก็ให้เกียรติเธอทุกอย่าง และนั่นทำให้ประภารักรัญชิดาดุจลูกสาวแท้ ๆ
‘ไม่เป็นอะไรหรอกครับ เพราะเราเผื่อเวลากันไว้แล้ว’ อัคนีบอกต่อมารดาของหญิงคนรัก
‘รัญกลับไม่ดึกหรอกนะคะ แต่ถ้าคุณแม่กับนภาง่วงก็นอนกันเลย
อย่าฝืนนั่งรอ’ รัญชิดาบอกบุคคลในครอบครัวที่เธอรักและเป็นห่วงที่สุด
‘งานเลี้ยงอำลาเป็นงานเลี้ยงที่ให้ความทรงจำดี ๆ ต่อนักศึกษาทุกคน
เต้นรำกันให้สนุกนะลูก’
พูดกับบุตรสาวคนโตเสร็จ ประภาก็หันไปทางชายหนุ่ม ‘แม่ฝากดูแลรัญด้วยนะคุณอัคนี’
‘ครับ ผมรับรองว่าจะพารัญมาส่งก่อนเที่ยงคืนครับ’
ความชื่นชมในตัวอัคนีของแม่ประภาและไขนภาฉายชัดมาก
เพราะอัคนีเป็นชายหนุ่มอ่อนโยนและจริงใจ น่าคบหาต่อเพื่อน ๆ ทุกคน
แม่และน้องสาวจึงวางใจในตัวเขาไปด้วย ที่สำคัญญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต่างยินดีกับมิตรภาพที่เจริญงอกงามระหว่างเธอและอัคนี
ทำให้เธอรู้สึกตลอดเวลาว่าสัมพันธภาพระหว่างเธอและเขาจะต้องพัฒนามาเป็นคู่ชีวิตในวันหนึ่ง
ซึ่งภายในงานเลี้ยงอำลา
ขณะเสียงเพลงบรรเลงด้วยท่วงทำนองอันไพเราะและเราทั้งสองเต้นรำกัน..ช่วงเวลานั้นอัคนีบอกรักเธอ
‘รัญ ผมรักรัญนะ” เขาก้มจุมพิตเบา
ๆ ตรงหน้าผาก พร้อมรั้งร่างเธอมาโอบกอด
‘ฉันก็รักคุณค่ะ อัคนี’ หญิงสาวตอบรับรักจากชายคนรักเป็นครั้งแรก
โดยที่ไม่รู้เลยว่าความรักของเธอมันจะยุติลงพร้อมกับบทเพลงสุดท้ายในงานเลี้ยงค่ำคืนนั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น