วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2559

บทที่3:คำขอครั้งสุดท้าย





รัญชิดานั่งร่วมโต๊ะอาหารกับปฐพีแล้ว ป้ามาลัยพยักหน้าให้บัวลงมือตักข้าวใส่จานโดยตนเองยืนควบคุมอยู่ใกล้ ๆ ระหว่างรับประทานเสียงป้าแม่บ้านบอกเล่าถึงรสชาติอาหารพื้นเมือง และไถ่ถามถึงสิ่งที่เธออยากกินในแต่ละมื้อ  เธอยิ้มบ้างตอบบ้างเป็นอย่างแรกเสียส่วนใหญ่
ชำเลืองมองคนนั่งตรงข้าม ก็เห็นเขาก้มหน้าก้มตากิน ไม่ได้สนใจว่าใครจะคุยอะไรกัน คงจะหิวมากจริง ๆ เพราะช่วงแวะจุดพักรถเขาดื่มกาแฟถ้วยเดียว ต่างจากเธอถึงจะหิวจนไส้กิ่ว แต่กลับกินอะไรไม่ลงเสียดื้อ ๆ
“นายหญิงทานได้น้อยเหลือเกิน” ป้ามาลัยเอ่ยท้วง เมื่อเห็นข้าวในจานนายหญิงสาวพร่องไปนิดเดียว  
รัญชิดามองสบสายตาห่วงใยของผู้อาวุโส ก่อนให้เหตุผล “ฝีมือป้ามาลัยอร่อยนะคะ แต่รัญรู้สึกเพลีย ๆ ทำให้กินไม่ค่อยลงค่ะ” เธอยอมรับว่าอาหารมื้อนี้ปรุงมาอร่อย แต่เธอกินไม่ได้เยอะไปกว่านี้
ส่วนทางด้านปฐพี ท่าทางภายนอกเย็นชาลึกในใจกำลังสับสนกับคำร้องขออีกข้อของปรเมศร์ นั่นคือให้รัญชิดาลงแปลงปลูกในไร่กับเขาทุกวัน
ปรเมศร์ให้เหตุผลว่าอยากเห็นองุ่นของหญิงสาวเติบโตในพื้นที่ไร่ แต่ปฐพีกลับไม่คิดเช่นนั้น เขาอยากให้รัญชิดาอยู่บ้านไร่มากกว่า นอกเสียจากว่าเจ้าหล่อนทนอยู่กับความเงียบเหงาไม่ได้
 ฉันหวังว่าบ้านไร่คงไม่ทำให้เธอรู้สึกเปลี่ยวเหงาเกินไปหรอกนะ” ถ้อยคำเหน็บแนมของเขา ถึงกลับทำให้คนฟังรวบช้อน
ไม่นี่คะ..บ้านไร่น่าอยู่และทุกคนใจดี” พูดจบ หญิงสาวส่งสายตาขอบคุณทุกคนที่มีไมตรีต่อเธอ
“ชนบทรอบด้านมีแต่ไร่ ไกลออกไปก็ภูเขา  ถ้าสาวไฮโซอย่างเธอจะรู้สึกอ้างว้างมันไม่ใช่เรื่องแปลก”
รัญชิดามองมุมปากยกยิ้ม ราวเย้ยหยันต่อความรู้สึกของเธอ เธออยากจะตอบโต้ให้สาแก่ใจ ทว่า..การขายอิสรภาพทำให้เธอไม่มีสิทธิ์คิดค้านคำพูดของเขาด้วยหรือเปล่า ถ้าเป็นเช่นนั้น... หญิงสาวสำนึกสถานะของตน จึงจำทนข่มกลั้นคำค้านในใจ  
“เงียบทำไมล่ะ หรือแค่คิดว่าต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ตลอดชีวิตก็แย่แล้ว” ปฐพีใช้น้ำเสียงลากยาว ฟังคล้ายท้าทายอยู่ในที
“คุณอยากได้คำตอบไปทำไมกันคะคุณปฐพี ในเมื่อฉันถูกจองจำอยู่ที่นี่แล้ว จะรู้สึกอ้างว้างหรือเปลี่ยวเหงา มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ คุณจะยังต้องการคำตอบอะไรจากฉันอีก” รัญชิดาแทบอยากแหวใส่ เพราะเธอไม่ได้รู้สึกประหวั่นวาจาคุกคามของเขาเหมือนช่วงแรก ๆ แล้ว ในเมื่อคิดว่าระหว่างเธอกับผู้ชายเหลือทนคนนี้ต้องมีเรื่องขัดแย้งกันอยู่เสมอแน่
นายหญิงน่ารักออกค่ะ เข้ากับคนที่นี่ได้ไม่ยากหรอกนะคะ” ป้ามาลัยเอ่ยแทรก หวังทำลายสงครามประสาท แต่การเอ่ยสนับสนุนนายหญิงแสนสวยออกหน้าออกตาแบบนี้ มันก็ทำให้นายหนุ่มอดแค่นเสียงหัวเราะออกมาไม่ได้
“ฉันแค่อยากรู้ ว่านายหญิงของป้ามีความอดทนพอจะเรียนรู้การใช้ชีวิตเป็นสาวชาวไร่ร่วมกับคนอื่น ๆ หรือเปล่าเท่านั้นปฐพีนึกหมั่นไส้อีกฝ่าย ที่ร่ายมนต์เสน่ห์ใส่คนของเขาโดยง่าย ทั้งที่เพิ่งมาแท้ ๆ
“ฉันอยู่ได้ทุกที่ค่ะป้ามาลัย ขอแค่เวลาปรับตัวนิดหน่อยเท่านั้น” รัญชิดากล่าวกับผู้อาวุโสใจดี จะมีอะไรยากนักหนากับการใช้ชีวิตเหมือนคนอื่น  
“ดี ถ้าคิดว่าปรับตัวได้ง่าย แต่อย่าร้องไห้ขอกลับบ้านก่อนได้เรียนรู้ชีวิตเหมือนคนอื่น ๆ ล่ะ” ปฐพียังไม่พ้นยิ้มเยาะ
ฉันไม่ทำตัวงี่เง่าแบบนั้นแน่นอน เพราะฉันรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์  แต่ถึงจะปรับตัวอยู่ที่นี่ได้ดีแค่ไหน ฉันยังหวังว่า..” เมื่อคิดอยากพูดสิ่งที่หวังไว้ในใจ เธอดันเกิดอาการอึกอัก
“หวังว่าอะไร?” สายตาคมจดจ่อรอฟัง
“สักวัน..คุณจะคืนอิสรภาพ” น้ำเสียงแผ่วเบา บ่งบอกถึงความไม่มั่นใจในสิ่งที่พูดออกมาเลยสักนิด ซึ่งนั่นก็ทำให้สิ่งที่เอ่ยออกไปกลายเป็นเรื่องชวนขบขันสำหรับชายหนุ่ม เขาถึงกลับปล่อยเสียงหัวเราะ
 “ฮ่าๆ อิสรภาพ  เธอคิดว่ากำลังพูดอะไรอยู่รึรัญชิดา?”
“มีอะไรน่าขำ ฉันแค่บอกว่าหวัง ไม่ได้ยินหรือคะแค่หวัง!” รัญชิดาฉุนวูบ เมื่อคนตรงหน้าหัวเราะใส่ราวอิสรภาพของเธอเป็นเรื่องตลก
“ได้ยินสิ ได้ยินชัดเลยล่ะว่าเธอหวังอิสรภาพ แต่รัญชิดา ฟังนะ อิสรภาพที่ต้องถูกฝังอยู่ที่นี่ตลอดกาล เธอคิดว่ามันจะมีหวังหรือเปล่าล่ะ” น้ำเสียงเยียบเย็น กับท่วงท่าสบายกลายเป็นเย็นชา เป็นคำตอบกลาย ๆ ว่าอิสรภาพของเธอไม่ใช่เรื่องตลก แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องเป็นไปได้เช่นกัน
“..” รัญชิดาจนคำพูด เมื่อคิดได้ว่าตนคงหมดสิทธิ์คิดถึงเรื่องนี้ ตั้งแต่ลงนามตามเงื่อนไขสัญญาแล้วนั่นเอง
“ผมจะเข้านอนเลย ป้ามาลัยช่วยดูแลนายหญิงของป้าด้วยนะ” ปฐพีตัดบทด้วยการหันไปเอ่ยกับป้าแม่บ้าน ก่อนจะหันกลับมาหาเธออีกครั้ง เพื่อทิ้งคำพูดสุดท้าย
“ค่ำคืนนี้ขอให้เธอหลับสบาย อย่าเก็บเอาความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ไปฝัน เพราะมันไม่มีวันนั้นสำหรับเธอ”
รัญชิดารู้ว่าปฐพีมาดหมายตามคำพูดจริง ๆ เธอสังเกตเห็นแววตาห่วงใยของป้ามาลัย ป้าแม่บ้านต้องเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างดี เพราะในความอ่อนโยนนั้นคล้ายปลุกปลอบให้เธออดทน และเหมือนบ่งบอกว่านี่แค่การเริ่มต้นของสงครามเย็นเท่านั้น
ปฐพีรวบช้อนและลุกพรวดขึ้น ทว่ายังไม่ทันร่างใหญ่จะก้าวเดิน เสียงเรียกดังจากหน้าบ้านฉุดให้เขาต้องหยุดยืนรอฟังเสียก่อน
“นายใหญ่! นายใหญ่!
เสียงเรียกปนหอบเหมือนคนกำลังร้อนรนอย่างหนัก ดึงความสนใจจากปฐพีและทุกคนให้ต้องออกไปดู
“มีเรื่องอะไรบุญเที่ยง!” ปฐพีเอ่ยถาม สีหน้าตื่นตระหนกของคนงานชายวัยฉกรรจ์ ทำให้เขานึกสังหรณ์ใจไม่ดี
“ท้ายไร่ฝั่งตะวันตกเกิดเพลิงครับนาย ตอนนี้กำลังช่วยกันดับ” บุญเที่ยงรีบรายงานพร้อม ๆ กับพยายามสูดเอาอากาศหายใจ คนงานชายคนอื่นรีบรุดเข้าไร่เพื่อช่วยกันดับไฟ ส่วนเขาอาสาวิ่งจ้ำมาจากบ้านพักซึ่งอยู่ด้านหลังบ้านไร่แทบไม่ได้หยุดสักนาทีเพื่อมาแจ้งข่าวเจ้านาย
ปฐพีฟังบุญเที่ยงจบรีบสาวเท้าตรงดิ่งไปที่รถกระบะ รอบุญเที่ยงกระโดนขึ้นด้านหลัง รถจึงเคลื่อนตัวแล่นฉิวออกไป รัญชิดาตกตื่นไปตามสถานการณ์นั้นด้วย ป้ามาลัยขยับมาใกล้และกุมมือเธอไว้
“ไม่ต้องตกใจนะคะ นายใหญ่จัดการทุกอย่างได้เสมอ”
รัญชิดาหันมาสบตาป้าแม่บ้านที่พยายามพูดปลอบ เธอพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะเห็นหญิงชราคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหา สีหน้าหญิงชราตื่นตระหนกไม่แพ้คนงานชายก่อนหน้านั้นเลย
“มาลัย นายอยู่หรือเปล่า?”
“นายเพิ่งออกไปไร่เมื่อตะกี้ มีอะไรยายเฉิด” ป้ามาลัยเอ่ยถาม ก่อนหันมาบอกกับเธอว่าหญิงชราชื่อยายเฉิดฉายเป็นยายของคนงานหญิงคนหนึ่งของไร่ปานเทวา อาศัยอยู่ในบ้านพักคนงานด้านหลังบ้านไร่แห่งนี้
“มาลัยช่วยนังนวลมันด้วย มันกำลังเจ็บท้อง พวกผู้ชายเข้าไร่ไปกันหมด ไม่มีใครอยู่พามันไปหาหมอเลย” พูดขอร้องแล้ว ยายเฉิดฉายก้มลงเอามือเท้าหัวเข่าด้วยกำลังเหน็ดเหนื่อยอย่างมาก ป้าแม่บ้านรีบเข้าไปประคองหญิงชราทันที
“อ้าว ไหนว่าอีกสองสามวันหมอนัด”
“ก็ว่าอย่างนั้นแหละ แต่มันตกใจเรื่องไฟไหม้ไร่ฟากโน้น ผัวมันอยู่เวรฝั่งนั้นพอดี มันเป็นห่วงผัวมัน ดิ้นรนจะไปหาผัวให้ได้นี่แหละถึงได้เจ็บท้อง”
“โอ้ย ทำยังไงล่ะทีนี้ นี่ก็เหลือแต่ผู้หญิงไม่มีใครขับรถเป็นสักคน” ป้ามาลัยบ่นอุบ เพราะพวกผู้ชายต่างตามนายไปไร่กันหมด
“รถของคุณปฐพีจอดอยู่นี่คะ” เสียงหวานของหญิงสาวเอ่ย ขณะมองรถโฟร์วีลจอดอยู่
“นายหญิงขับรถเป็นหรือคะ?” ป้ามาลัยเลิกคิ้วถาม นัยน์ตาเปล่งประกายพอใจ
“เป็นค่ะ คนท้องอยู่ที่ไหน พาฉันไปเลยค่ะ ฉันจะพาเธอไปหาหมอเอง” รัญชิดานึกถึงการช่วยเหลือคนกำลังเจ็บท้อง จึงยังไม่ทันสังเกตสายตาฉงนสงสัยของยายเฉิดฉาย ในนาทีที่หญิงชราได้ยินป้าแม่บ้านเรียกแทนตัวเธอว่า..นายหญิง
“งั้นไปรอที่รถเลยยายเฉิด เดี๋ยวนายหญิงรัญจะพานังนวลไปโรงพยาบาลเอง” ป้ามาลัยบอกก่อนจะหมุนตัวเพื่อเดินเข้าไปหยิบกุญแจสำรอง แต่ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นยายเฉิดฉายยังยืนเฉย “เอ้า ยายมัวยืนเฉยอยู่อีก ไปรอนายหญิงที่รถโน่น” มาลัยเร่งเร้าเมื่อยังเห็นอีกฝ่ายมัวแต่ยืนจ้องนายหญิงสาว
  “จ้ะ..จ้ะ.” ยายเฉิดฉายสะดุ้ง ด้วยเผลอลืมกิจที่ทำให้ตนต้องหอบสังขารวิ่งโล่มาถึงที่นี่ ก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก แล้วก้าวออกไป
ไม่นาน รัญชิดาขับรถของปฐพีไปรับหญิงท้องแก่ และกำลังนอนครวญด้วยความเจ็บปวดภายในบ้านพักคนงาน ซึ่งมีป้ามาลัยคอยบอกทาง

ปฐพีขับรถกลับบ้านไร่ด้วยอารมณ์ขุ่นแค้นกับผลองุ่นถูกทำลาย ผลพวงกำลังจะเก็บเกี่ยวในช่วงเช้าวันรุ่นขึ้นเพื่อนำส่งตลาดผลสดถูกลอบวางเพลิง แม้จะเสียหายเพียงน้อยนิดแต่ก็ถือว่าผลผลิตของเขาได้รับความเสียหายจากน้ำมือคนชั่วช้า ที่หวังทำลายชื่อเสียงไร่ปานเทวา ทว่าความแค้นใจยังไม่เท่าความเจ็บปวด เมื่อได้รับรู้ว่าคนวางเพลิงคือคนงานของเขาเอง
รู้มือวางเพลิงแล้วครับนายใหญ่ เสียงทุ้มต่ำของอาคำมูลหัวหน้าคนงานชายวัยกลางคน รายงานถึงคนลงมือทำเรื่องร้าย ๆ นี้ ในขณะทุกคนกำลังจัดการบริเวณที่ไฟมอดลงแล้ว
ใคร? ชายหนุ่มเอ่ยถาม และต้องตกตะลึงอย่างคาดไม่ถึงเมื่อได้รับคำตอบ
ไอ้เมฆ คำมูลตอบ ก่อนเล่าถึงเหตุผลักดันให้เมฆตัดสินใจทำความผิดครั้งนี้
ปฐพีเลี้ยวรถเข้าสู่บ้านไร่ด้วยสีหน้าเคียดแค้นชิงชังบุคคลที่ทำให้คนงานของเขาลงมือทำเรื่องร้าย ๆ เขายังจำน้ำเสียงของเมฆนาทียอมรับสารภาพผิดพร้อมส่งมอบหลักฐานการกระทำผิด นั่นก็คือขวดน้ำมันขนาดหนึ่งลิตรที่เหล่าคนงานมักซื้อเก็บไว้ภายในบ้านเพื่อเติมรถจักรยานยนต์
เมฆสารภาพว่าตนได้ติดหนี้พนันกับเสี่ยขจรแต่เสี่ยขจรขายหนี้ของเขาให้กับนายเมธี และวันนี้นายเมธีและลูกน้องมาหาตนตรงปากทางเข้าไร่ พวกนั้นกดดันเรื่องหนี้และประกาศจะจัดการกับครอบครัว ถ้าไม่สามารถนำเงินมาชำระหนี้ได้ก่อนรุ่งสาง
เมฆพยายามขอผัดผ่อนจนนายเมธียอมอะลุ้มอล่วย แต่มีเงื่อนไขว่าเขาต้องทำลายองุ่นที่ไร่ปานเทวาจะจัดส่งกับตลาดสดกลางก่อนรุ่งสาง ถ้าเขาทำได้นายเมธีจะยกหนี้ให้ทั้งหมด ลำพังตัวเขาถูกตามหนี้ไม่เท่าไหร่แต่ที่เขาห่วงคือนวลฉวีเมียรัก เพราะนายเมธีขู่ว่าถ้าเขาไม่สามารถชำระหนี้หรือทำตามเงื่อนไขใด ๆ ได้ นวลฉวีเมียที่กำลังท้องแก่อาจเป็นผู้ชดใช้แทน เขากลุ้มใจมากเพราะกลัวนวลฉวีถูกลอบทำร้าย เขาจึงตัดสินใจทำตามเงื่อนไขของนายเมธี
เมฆเล่าพร้อมปล่อยน้ำตาไหลพรากเสียใจในสิ่งที่ตนได้ทำผิดพลาด ด้วยนำชีวิตไปยุ่งเกี่ยวกับการพนัน ซึ่งส่งผลร้ายมาสู่ครอบครัวแล้วยังทำลายที่ทำกินของทุกคนอีก เมฆรู้สึกผิดบาปในนาทีไฟกำลังลุกลามจึงวิ่งไปแจ้งต่อคนอยู่เวรยามเฝ้าไร่ทุกด้านทันที
ปฐพีเลี้ยวรถเข้ามาจอดที่เดิม ขณะร่างใหญ่ก้าวลง พลัน..สายตาคมสะดุดกับพื้นที่จอดว่างเปล่า
นางและบัววิ่งออกมาจากในอาคาร “นายใหญ่ นายหญิงเอารถไปส่งพี่นวลโรงพยาบาลจ้า” เสียงนางรายงานทันทีที่ตรงดิ่งถึงตัวนายหนุ่ม
“ยายเฉิดวิ่งมาหานาย แต่นายไม่อยู่ นายหญิงก็เลยเป็นคนพาไปจ้า” บัวรายงานสมทบอีกคน
ปฐพีมีสีหน้าเครียดกับเหตุการณ์ประดังมาพร้อมกัน เขาพยักหน้ารับรู้ก่อนกลับเข้าไปนั่งในรถ และขับออกไป
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ปฐพีสอบถามคนไข้ชื่อนวลฉวี  แล้วเดินตรงไปห้องนั้นทันที ซึ่งด้านหน้าห้องมีผู้เฝ้ารออยู่สามคน รัญชิดานั่งอยู่กับป้ามาลัย ถัดไปคือผู้เป็นยายของนวลฉวี พอชายหนุ่มเดินมาหยุดยืนเบื้องหน้า ทั้งสามก็ลุกยืนตาม ๆ กัน
“นวลไม่ได้มีกำหนดคลอดอาทิตย์นี้นี่ยายเฉิด” ปฐพีแปลกใจ เพราะเมฆบอกว่าภรรยามีกำหนดคลอดอาทิตย์หน้า
“คลอดก่อนกำหนดจ้ะนายใหญ่” ยายเฉิดฉายตอบ
“เกิดอะไรขึ้น?” ปากเอ่ยถาม แต่ใจนึกไปถึงเหตุการณ์ร้ายที่สามีของคนไข้เป็นผู้กระทำ และกำลังจะได้รับบทลงโทษ
 “นังนวลมันร้อนรนเดินไม่หยุด เป็นห่วงผัว ร่ำร้องจะไปหาให้ได้ พอหนักเข้าก็ปวดท้องนี่ละจ้ะนาย” ยายเฉิดฉายรายงาน
ปฐพีกำลังสอบถามเรื่องราวจากยายเฉิดฉาย ขณะนั้นเมฆเดินแกมวิ่งตรงเข้ามาพอดี
“ยาย นวลเป็นยังไงบ้าง?” เมฆกุมมือยายของเมียรัก และเอ่ยถามอย่างอาทรร้อนใจ
“ไม่เป็นไรแล้ว ตอนนี้หมอกำลังทำคลอดอยู่ แล้วนี่เอ็งช่วยเขาดับไฟเสร็จแล้วรึ?” ยายเฉิดฉายห่วงใยพื้นที่ทำมาหากินนี้มาก นำพาให้เมฆคิดได้ต้องรีบหันไปร้องขอความเมตตาจากหนุ่มเจ้าของไร่
“นายใหญ่ครับ ผมขอดูแลเมียสักพักได้ไหมครับ หายห่วงแล้วผมจะออกจากที่นี่ทันที” เมื่อเมฆพูดจบ ทุกคนต่างจ้องมองเขาด้วยความแปลกใจ
“ได้ แต่นายจะไม่ได้รับเงินเดือน” เสียงเข้มบนสีหน้าเครียดขรึมลึกภายในเต็มไปด้วยความลำบากใจ ทว่า กฎคือกฎถ้าไม่เด็ดขาดมันจะเป็นกฎที่หย่อนยานเกินไป และคนอื่น ๆ ก็จะไม่รู้จักควบคุมใจตัวเอง
“ครับนาย” สีหน้าแววตาของเมฆปรากฏความเศร้า เพราะเพียงแค่เขาต้องดิ้นรนหาเงินสะสางหนี้พนันแล้ว เขายังไม่มีเงินเดือนให้เมียและลูกอีก
“มันเรื่องอะไรกันคะคุณปฐพี ภรรยาของเขากำลังจะคลอด แล้วคุณไม่ให้เงินเดือน พวกเขาจะเอาเงินที่ไหนใช้จ่ายล่ะ” เสียงหวานเอ่ยแย้งแฝงความห่วงใยต่อคนงาน เพราะในนาทีได้ยินว่าสามีคนงานหญิงจะไม่ได้รับเงินเดือน เธอรู้สึกว่ามันช่างเป็นเรื่องโหดร้ายสำหรับพวกเขาที่จะไม่มีรายได้มาจุนเจือครอบครัว
“แค่การทำเรื่องดีเล็กๆน้อยๆ มันไม่ได้หมายความว่าเธอมีสิทธิ์ออกความคิดเห็นอะไรนะรัญชิดา” เสียงห้าวกล่าวเตือนหญิงสาวด้วยสีหน้าเย็นชา เมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะก้าวก่ายการปกครองคนงานของเขา
“ฉันรู้ค่ะว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ และไม่รู้ว่าคนงานของคุณทำผิดอะไรมา แต่การหักเงินเดือนคนที่ภรรยากำลังจะคลอดลูกแบบนี้ มันโหดร้ายเกินไป” รัญชิดามัวตั้งหน้าตั้งตาต่อว่าต่อขานเขา จนหลงลืมผลที่จะได้รับ
“โหดร้ายงั้นหรือ?” ปฐพีฉุนวูบ ริมฝีปากหนาขบเม้มแน่น ไม่คิดว่าหญิงสาวจะกล้าเอ่ยต่อว่าเขาต่อหน้าคนงานแบบนี้ “ได้..ถ้าเธอคิดว่ามันโหดร้าย ถ้างั้น ฉันจะให้เธอปลูกองุ่นเพื่อชดใช้จำนวนองุ่นถูกทำลาย เพื่อที่เขาจะได้รับเงินเดือนเหมือนเดิม”
ริมฝีปากหนาเหยียดยิ้มต่อดวงตาเบิกกว้างตรงหน้า ซึ่งความสับสนใจก่อนหน้าที่ทำให้ปฐพีตัดสินใจไม่ได้ว่าควรทำตามคำขอครั้งสุดท้ายของปรเมศร์ดีไหม มาบัดนี้เขาตัดสินใจได้แล้ว เพราะผู้หญิงคนนี้ จะได้รับรู้รสชาติงานไร่ ให้สมกับความจุ้นจ้าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น